เผยรถทัวร์ 2 ชั้น ยังวิ่งอยู่ 4,800 คัน ชี้เสี่ยงกว่ารถทัวร์ชั้นเดียว 6 เท่า
จากกรณีเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 มี.ค.) เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยว จาก ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หมายเลขทะเบียน 30-0161 กาฬสินธุ์ ไปท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี กำลังเดินทางกลับ เกิดเสียหลักข้ามเกาะกลางถนน ชนเพิงพักของชาวบ้านข้างทาง ทำให้พลิกคว่ำ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และบาดเจ็บจำนวนมากนั้น
(22 มี.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าผู้โดยสารส่วนหนึ่งอยู่ชั้นบน เมื่อรถเกิดปัญหาจึงลงมาด้านล่าง ทำให้ด้านล่างมีความแออัด พอรถเกิดอุบัติเหตุผู้โดยสารก็อาจจะทับกันจนเสียชีวิต
ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคม ไม่ได้มีการอนุญาตจดทะเบียน รถทัวร์ 2 ชั้น ใหม่แล้ว โดยที่ยังเห็นวิ่งอยู่เป็นรถทัวร์ 2 ชั้นที่เคยจดทะเบียนไปก่อน มีอยู่ประมาณ 4,800 คัน ซึ่งต้องมีการตรวจสภาพก่อนที่จะนำมาให้บริการผู้โดยสาร เพราะรถทัวร์ประเภทนี้จะต้องนำมาประกอบตัวถัง ตรวจสภาพทั้งภายนอกและภายใน
ขณะที่ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายเพื่อถนนปลอดภัย (ศวปถ.) เปิดเผยว่า ผู้โดยสารทุกคนควรทราบถึงความเสี่ยง เมื่อโดยสารรถทัวร์ 2 ชั้น เพราะรถทัวร์ 2 ชั้น มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถชั้นเดียวถึง 6 เท่า แนะนำว่าหากทัวร์ยังยืนยันว่าจะใช้รถ 2 ชั้น ก็ควรจะใช้ทางราบ จะปลอดภัยดีกว่า หรือไม่ก็ต้องตรวจสอบเรื่องการทรงตัวของรถให้ดีด้วย
จากข้อมูลศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ระบุว่า รถบัส 2 ชั้น มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะ ความสูงของรถบัสโดยสาร 2 ชั้นมีความสูงเฉลี่ย 4.20 เมตร ฐานล้อกว้างแค่ 2.40 เมตร หากนำมาคำนวณเสถียรภาพการทรงตัวของรถ โอกาสในการพลิกตะแคงหรือพลิกคว่ำค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะรถที่วิ่งขึ้นลงเขา
อย่างไรก็ตาม ในอดีต รถบัส 2 ชั้นจำนวนมากในระบบ สร้างจากการนำตัวถังของรถบรรทุก 6 ล้อ หรือรถบรรทุก 8 ล้อ มาประกอบเป็นรถ 2 ชั้นโดยผู้ประกอบรถในประเทศ จากนั้นในตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ถึงมีการควบคุมด้วยหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งถือเป็น 'ส่วนน้อย' ของรถบัส 2 ชั้นทั้งหมดในประเทศ