ธนาธร-หลานอภิสิทธิ์ โชว์กึ๋นกลางเวทีเสวนา เห็นตรงกันรัฐประหารไม่ใช่ทางออกประเทศ
'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ชี้รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออก-ทำประเทศสะดุด ด้าน 'ไอติม-พริษฐ วัชรสินธุ' หนุนรื้อระบบการศึกษา แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างความหลากหลายทางความคิด 'คุณหญิงสุดารัตน์' วอนหยุดอคติ เห็นคนเท่ากัน 'อนุทิน' ระบุการเมืองเซ็ตซีโร่แล้ว ทุกคนเริ่มต้นพร้อมกัน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ให้ความเห็นในวงเสวนา 'อนาคตประเทศไทย ไปทางไหน' ว่า โดยส่วนตัวผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 4 ครั้ง และทุกครั้งพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำให้ประเทศเดินหน้า ซึ่งวันนี้สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ ไม่เรียกทหารออกมาทำรัฐประหาร เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะพวกเราสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจจากกระบอกปืน
"พวกเราสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจจากกระบอกปืน" นายธนาธรกล่าว
ขณะที่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 คือรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว ไม่เชื่อมโยงกับประชาชน ดังนั้นเราควรเลิกเชื่ออำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม สมาชิกยุวประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้า คือการกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และไม่สนับสนุนการรัฐประหารยึดอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องมีการรื้อระบบเพื่อความหลากหลายทางความคิด และต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะระบบการศึกษาที่ถือเป็นต้นตอของความเหลื่อมล้ำ และควรดำเนินการปฏิรูปการศึกษา
"ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดร่วมกันคือ เราจะสร้างประชาธิปไตยให้ยั่งยืนได้อย่างไร โดยไม่ต้องมีคนตายหรือติดคุกเพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง" นายพริษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ ระบุว่า ตนพร้อมเข้าไปทำงานในพรรคประชาธิปัตย์ โดยยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย การกระจายอำนาจ และอิงหลักวิชาการ พร้อมทั้งเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่สามารถตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ได้
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า การทำรัฐประหารพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถทำให้ประเทศพัฒนาได้ ดังนั้นควรยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนเป็นผู้พิพากษา ประเมินผลงานของนักการเมือง
"หยุดมีอคติต่อกัน มองคนให้เท่ากัน หยุดสร้างวาทกรรมมาโจมตีใส่ร้ายกัน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าพรรคการเมืองถูกเซ็ตซีโร่แล้ว เพราะนักการเมืองทุกคนทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ ไม่มีใครอยู่ในศูนย์อำนาจแล้ว นั่นคือทุกพรรคกลับมาเริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมด ตัวแปรการแข่งขันในสนามเลือกตั้งครั้งนี้คือนโยบายของแต่ละพรรค สุดท้ายแล้วถ้าทุกคนยอมรับผลการเลือกตั้ง และเคารพกติกา มันก็จะเดินหน้าไปได้ และบ้านเมืองก็จะกลับเข้าสู่โหมดปกติ