คนอยากเลือกตั้งพับจรวดสื่อสาร บอกกองทัพ มีหน้าที่ปกป้องไม่ใช่ปกครอง
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินถึงหน้ากองทัพบก ปะทะเจ้าหน้าที่เล็กน้อย เรียกร้องกองทัพหยุดสนับสนุน คสช. ชี้ ภายในเดือนพฤษภาคม ไม่ได้รับคำตอบ จะออกมาไล่ คสช. อย่างเป็นทางการ
ประชาชนประมาณ 400 คน เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน โดยมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อย หลังพยายามฝ่าด่านเจ้าหน้าที่บริเวณแยก จปร. ไปยังกองทัพบก
ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า มีผู้ชุมนุมบางส่วนแสดงอาการยั่วยุเกินจำเป็น ทำให้ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และฝ่ายผู้จัดการชุมนุมต้องเจรจาสื่อสารว่าอย่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สงบลงภายในเวลาไม่นาน
น.ส. ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ ปราศรัยกับผู้ชุมนุมว่า วันนี้มาสื่อสารว่าหมดเวลาสำหรับการยื้ออำนาจของ คสช. แล้ว และชวนให้ผู้ชุมนุมทำสัญลักษณ์รูปหัวใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดจากเหตุปะทะก่อนหน้านี้
นายเอกชัย หงส์กังวาน ได้ทำการจุดธูป 36 ดอกปักที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยระบุว่าเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายจากเผด็จการ
จากนั้นนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ได้ขึ้นปราศรัยระบุว่า ข้อเรียกร้องของประชาชน คือหยุดวางไข่ หยุดสืบทอดวงจรคณะรัฐประหาร หยุดวงจนอุบาทว์ หยุดรับใช้โจรที่กดขี่ประชาชน หยุดสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขอให้กองทัพเสียสละอำนาจที่ไม่ชอบธรรมคืนให้กับประชาชน
จากนั้นชักชวนให้ประชาชนพับจรวดกระดาษปาเข้าไปในบริเวณกองบัญชาการกองทัพบก โดยเนื้อหาในจรวดคือการเรียกร้องให้กองทัพยุติการสนับสนุน คสช.
โดยปิดท้ายด้วยการร่วมกันประกาศเรียกร้องการเลือกตั้ง “เลือกตั้งปีนี้ เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ และกองทัพหากไม่อยากพินาศ จงเป็นกองทัพที่กลับมารับใช้ประชาชน ปกป้องประชาธิปไตย”
ทั้งนี้ นายสิรวิชญ์กล่าวด้วยว่า กองทัพบกมีหน้าที่ปกป้อง ไม่ใช่ปกครอง จงรู้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ รู้ขีดจำกัดของตัวเอง เดือนพ.ค. นี้ถ้ากองทัพไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง จะออกมาขับไล่ คสช.
เวลาประมาณ 19.30 น. เหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อรังสิมันต์ โรม ขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอาจจะมีการนำเครือง LRAD เครื่องกระจายเสียงระยะไกล เพื่อสลายการชุมนุมหากผู้ชุมนุมไม่เลิกชุมนุมในเวลา 20.00 น. ตามที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไว้
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศว่า ผู้ชุมนุมได้ทำผิดผิด พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะแล้ว เนื่องจากผิดเงื่อนไขที่แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะชุมนุมถึงเวลา 20.00 น. แต่ผู้ชุมนุมสามารถจัดกิจกรรมต่อไปได้จนจบตามกำหนดการที่วางไว้
โดยรังสิมันต์ โรม จากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้ายบอกว่า อยากสื่อสารกับกองทัพ ว่า ประชาชนตั้งคำถามว่ายังฝากความหวังกับกองทัพได้อยู่อีกหรือ
“หลายคนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องเอากองทัพออกจากกรุงเทพมหานคร แต่ก็เชื่อด้วยความสุจริตใจว่ายังมีทหารที่หวังดีกับประเทศนี้ สำคัญก็คือยังเชื่อว่ามีทหารจำนวนไม่น้อยรวมถึงตำรวจที่เกลียดการคอร์รัปชั่น การทุจริต เราต่างรู้ดีว่ามีเพียงไม่กี่คนทีเปรียบเสมือนปลาเน่าไม่กี่ตัวในข้อง จึงยังเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่ายังมีทหารที่พร้อมออกมาปกป้องประชาธิปไตย”
“ได้โปรดกลับมายืนเคียงข้างประชาชนด้วยการเป็นทหารอาชีพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พูดเอาไว้ว่ากองหนุน คสช. หมดแล้ว แต่รังสิมันต์ โรมขอพูดต่อไปว่ากองหนุน คสช. ยังไม่หมด แต่เหลือแค่เพียงหนึ่งเดียวคือกองทัพ”
นายรังสิมันต์กล่าวว่าเมื่อไหร่ที่กองทัพยืนเคียงข้างประชาชน วันสุดท้ายของ คสช. ก็จะจบ
"ดังนั้นกองทัพในฐานะกองหนุนกองสุดท้ายของ คสช. เป็นเหตุผลที่ทำให้ คสช. อยู่ในอำนาจ จึงอยากให้กองทัพกลับมาอยู่เคียงข้างประชาชน อย่ามองเห็นประชาชนเป็นศัตรู ถ้ากองทัพมายืนอยู่เคียงข้างประชาชนเมื่อไหร่ วันที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินจะเกิดขึ้นทันที ทหารอาชีพจะต้องไม่ทำร้ายประชาชน ทหารอาชีพต้องไม่กลั่นแกล้งประชาชน ทหารอาชีพต้องไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ
ทหารอาชีพต้องปกป้องประชาธิปไตย ทหารอาชีพสามารถอยู่ร่วมกับระบอบประชาธิปไตยได้" รังสิมันต์กล่าวและนัดหมายว่าจะมีการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 5 พฤษภาคมที่จะถึง ก่อนที่ร่วมร้องเพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน และแสงดาวแห่งศรัทธา และแยกย้ายกันไปอย่างสงบ
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ