สาวใหญ่กระหน่ำยิงอดีตสามีปางตาย โมโหเลิกกัน 5 ปียังตามราวี

สาวใหญ่ชักปืนกระหน่ำยิงอดีตสามี กระสุนโดน 4 นัด อาการปางตาย โมโหเลิกกัน 5 ปียังตามราวี มีปากเสียงกันรุนแรงบ่อยครั้ง

(26 มี.ค.) ร.ต.ท.ทนงศักดิ์ รักสัตย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ที่บริเวณถนนสายบ้านท่า-หนองศาลา หมู่ที่3 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลชะอำไปก่อนหน้านี้ จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ชะอำ

ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือดหยดบนพื้นถนนจำนวนมาก และพบปลอกกระสุนปืนขนาด.38 ตกอยู่จำนวน 5 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ถูกยิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ทราบชื่อต่อมาคือ นายนริศ อายุ 54 ปี  ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 มม. เข้าที่หน้าอก ใต้ราวนมขวา และตามลำตัว รวม 4 นัดได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี ส่วนอีกคนทราบชื่อคือนายจักรพงษ์  อายุ 25 ปี  ถูกยิงเข้าที่แขนซ้ายจำนวน 1 นัด กระสุนฝังในได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบสวนนายจักรพงษ์ เล่าว่า ผู้ลงมือยิงนายนริศและตน คือ นางลัดดา อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของนายนริศ เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามจับกุมกระทั่งพบนางลัดดานั่งอยู่ในบ้านพักของตนเอง ม.3 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงได้เข้าควบคุมตัวพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ โดยนางลัดดา ได้มอบอาวุธปืนที่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเปิดเผยว่า ตนกับนายนริศ ที่ถูกยิงบาดเจ็บ เคยเป็นสามีภรรยากันและได้เลิกราไปเมื่อประมาณ 5 ปีกว่า เนื่องจากตนทนพฤติกรรมของนายนริศไม่ไหว เพราะนายนริศชอบลงมือทำร้ายตนมาตลอด หลังจากเลิกรากันอีกฝ่ายมักจะหึงหวงตนและมาง้อขอคืนดีตนตลอด

จนกระทั่งวันนี้ นายนริศได้ขี่รถจักรยานยนต์สวนทางกับตน โดยมีนายจักรพงษ์ ที่เป็นญาตินั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อนายนริศเห็นตนจึงขี่รถเข้ามาขวางและมีการพูดจาโต้เถียงกันอย่างรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ ตนจึงได้ชักอาวุธปืนที่ใส่กระเป๋าคาดเอวเอาไว้ออกมากระหน่ำยิงใส่ร่างของนายนริศ จำนวน 5 นัด และกระสุนได้พลาดไปโดนแขนของนายจักรพงษ์ 1 นัด จากนั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไปรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ภายในบ้านของตนเองจนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางลัดดาไปยัง สภ.ชะอำ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและแจ้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต