คสช.เอาจริงข้าราชการโกง-ประพฤติมิชอบ เตรียมเปิดตำแหน่งเด้งเข้ากรุนับร้อย

คสช.เอาจริงข้าราชการโกง-ประพฤติมิชอบ เตรียมเปิดตำแหน่งเด้งเข้ากรุนับร้อย

คสช.เอาจริงข้าราชการโกง-ประพฤติมิชอบ เตรียมเปิดตำแหน่งเด้งเข้ากรุนับร้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขณะที่มีการทุจริตเกิดขึ้นเป็นประจำในปัจจุบัน ทั้งเรื่องทุจริตกองทุนเสมาพัฒนา โกงเงินอุดหนุนนักเรียน โกงเงินคนจน และโกงเบี้ยคนชรา ยันโกงเงินทอนวัด จนทำให้เห็นภาพ และทำให้ตระหนักว่า ข้าราชการในปัจจุบันต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การพัฒนาประเทศไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ตามจุดประสงค์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.

ทำให้ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 61) ในการประชุมร่วมระหว่าง คสช. กับคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เมื่อวานนี้ทาง คสช. ได้เสนอให้มีมาตรการพิเศษ เป็นมาตรการในการปราบโกง ให้ ครม. อนุมัติเพื่อนำไปใช้กับทุกส่วนราชการ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจด้วย

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงเรื่องนี้ว่า มาตรการที่ คสช.เสนอ เป็น "มาตรการการป้องกันและปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ"  คือ

1. เมื่อมีการร้องเรียนการทุจริต หรือมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทุจริต ขอให้หัวหน้าหน่วยงานราชการนั้น ๆ เริ่มต้นการตรวจสอบทันทีภายใน 7 วัน และตรวจสอบให้เสร็จภายใน 30 วัน

2. หากพบข้อมูลเบื้องต้นที่เชื่อได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ให้หัวหน้าหน่วยงานราชการปรับย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว โดยการปรับย้าย แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ

- หากเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง ให้ย้ายหมุนเวียนอยู่ในกระทรวงเดิม

- แต่หากเป็นเรื่องที่มีความร้ายแรง ให้ปรับย้ายไปหน่วยงานอื่น เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดตำแหน่งรองรับข้าราชการระดับสูง เรียกง่ายๆ ว่า เปิดกรุ เอาไว้ถึง 100 อัตรา เช่นเดียวกับพนักงานในรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรมหาชน ก็เปิดเอาไว้ 50 ตำแหน่ง

3. เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีหลักฐานชัดเจนจนสามารถชี้มูลความผิดได้ ให้หัวหน้าส่วนราชการดำเนินการทางวินัยทันที โดยไม่ต้องรอผลคดีอาญา และหากมีมูลทางอาญา ให้ส่งเรื่องไปยัง "ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ" หรือ ศอตช. ให้รับไปดำเนินการทางอาญาได้

ซึ่งทั้งหมดนี้ ครม.อนุมัติ มีผลบังคับใช้แล้ว

คิวศธ.! โกงเงินแก้ตกเขียว ยักยอก 11 ล้าน จนท.รับทำจริงกว่า 10 ปี

พบคลิปหลักฐานมัด ผอ.โรงเรียนร่วมโกงเงินสงเคราะห์คนจน

งามหน้า เจ้าหน้าที่ประกันสังคม โกงเงินเบี้ยชราภาพ

จากนั้นในวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เซ็นย้าย 14 ข้าราชการ ประกอบด้วย ตำรวจ 13 นาย และ ผอ.โรงเรียน 1 ราย ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องการค้ามนุษย์ โดยให้มาปฏิบัติหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริง

ซึ่งนายกฯได้เซ็นลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 73/2561 เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะการค้ามนุษย์เป็นปัญหาสำคัญร้ายแรงที่รัฐบาลกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องป้องกันและปราบปรามอย่างเฉียบขาด โดยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าภาครัฐ ภาคประชาชน

ดังนั้นเมื่อมีเรื่องร้องเรียนหรือตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนกระทำความผิด จึงต้องดำเนินการทางวินัยและทางอาญาโดยเร็ว และเพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวมีความถูกต้อง เป็นธรรม พยานกล้าเปิดเผยข้อเท็จจริงและนำหลักฐานมาแสดง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (3) และ (4) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534

นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ และข้าราชการอื่น รวม 14 ราย ที่มีรายงานเบื้องต้นว่า มีส่วนกระทำความผิดดังกล่าว มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริงและการดำเนินการทางวินัยโดยความผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือทางอาญา โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม

เลขา ปปท.นำค้นบ้านข้าราชการซี 8 ศธ.โยงโกงงบเสมา 18 ล้าน

ไล่เรียงเหตุการณ์ 2 ฮีโร่ชุดนักศึกษา เปิดโปงโกงเงินคนจน

ปปง.บุกยึดบ้านหรู  49 ล้าน อดีตผอ.พศ. โกงเงินทอนวัด

และให้อยู่ในการกำกับดูแลของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. / หรือหน่วยงานต้นสังกัดโยกย้ายข้าราชการเหล่านี้ออกจากตำแหน่งเดิมไปสู่หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องการค้ามนุษย์ โดยไม่เลื่อนตำแหน่งหรือยศสูงขึ้น จนกว่าจะมีคำสั่งสำนักนายกฯ เป็นประการอื่น ดังนี้

พ.ต.อ.นคร พักไพโรจน์

พ.ต.อ.พิศุทธิ์ ศุกระศร

พ.ต.ท.กิตติชัย โถวิเชียร

ร.ต.อ.หญิง จริยาภรณ์ พ่วงพี่ดี

ร.ต.ท.ยุทธพล อนันตวิเชียร

ร.ต.ท.สมปอง หีบแก้ว

ร.ต.ท.สุรศักดิ์ ชาญขุนทด

ร.ต.ต.กัมปนาท สาเกทอง

ด.ต.วิชัยรัตน์ มงคลเคหา

ด.ต.สมศักดิ์ หวังมีสุข

ด.ต.อนันต์ สมศรี

ด.ต.อภินันท์ แก้วผล

จ.ส.ต.วโรดม วรพันธ์

นายเจริญ ศรีพรม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาน้อย อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

ในระหว่างการปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้าราชการทั้ง 14 ราย ปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอยู่ในการกำกับดูแลของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook