แม่ใจสลาย ลูกสาวป่วยหนักถึงขั้นสิ้นใจ รักษาไม่ได้เพราะเตียงเต็ม

แม่ใจสลาย ลูกสาวป่วยหนักถึงขั้นสิ้นใจ รักษาไม่ได้เพราะเตียงเต็ม

แม่ใจสลาย ลูกสาวป่วยหนักถึงขั้นสิ้นใจ รักษาไม่ได้เพราะเตียงเต็ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่สุดสะอื้น ลูกสาวป่วยตับอักเสบหนัก ย้ายรักษาโรงพยาบาลอื่นไม่ได้ เพราะเตียงเต็ม อยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้ใส่ใจในการรักษาดูแลคนไข้ให้มากกว่านี้  

จากกรณีที่ นางสาววิลาวรรณ อายุ 25 ปี แม่ของน้องมิลค์ อายุ 7 ปี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พาลูกสาววัย 7 ขวบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม ตลอดระยะเวลาหมอได้ให้การรักษาด้วยการฉีดยาแก้ปวดเพื่อระงับอาการปวด และอาการดิ้นพร้อมกรีดร้องด้วยเสียงบ่นที่ว่า...ปวดท้องๆๆ เป็นเวลานานหลายวัน

เบื้องต้นคุณหมอแจ้งกับทั้งญาติว่าน้องป่วยเป็น “ตับอักเสบ” แต่เนื่องจากอาการน้องไม่ดีขึ้น จึงให้ทางโรงพยาบาล ประสานเพื่อจะย้ายน้องไปโรงพยาบาลที่จังหวัดขอนแก่น แต่หมอแจ้งว่าทางโรงพยาบาลขอนแก่น แผนกรับผู้ป่วยไม่สามารถรับได้เนื่องจากเตียงเต็ม และได้ส่งยามาให้แทนแล้วเปลี่ยนตัวยาดูเผื่อดีขึ้น วันเวลาผ่านไปหลายวัน อาการของน้องที่เริ่มจะทรุดลงเรื่อยๆ เพราะขอย้ายไปรักษาต่อก็ไม่ส่งต่อ น้องบ่นปวดท้องก็ฉีดยาแก้ปวดท้องกะแก้ท้องอืด น้องดิ้นน้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ฉีดยาฆ่าเชื้อ

จนกระทั่งถึงวันที่ 24 มีนาคม ทางโรงพยาบาลที่ จ.มหาสารคามได้ส่งต่อเด็กมาที่ขอนแก่น เพื่อจะทำการฉายแสง กระทั่งถึงระหว่างทางถึงมีการโทรประสานงานกันกับทางแผนกฉายแสงของโรงพยาบาลที่ขอนแก่น ระบุว่าเครื่องฉายแสงพัง จึงต้องพาน้องกลับมา จ. มหาสารคามก่อน แล้ววันต่อมาจึงได้ส่งตัวกลับไปฉายแสงได้ใหม่ แต่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ขอนแก่น

กระทั่งเช้าวันที่ 26 มีนาคม น้องอยู่ในอาการร้ายแรง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดใด หมอจึงได้ทำการใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจแล้วนำส่งฉุกเฉินมาที่ รพ. ในจังหวัดขอนแก่น หลังจากนั้นมาสองวันแพทย์เจ้าของไข้เรียกญาติเข้าไปพบ พร้อมกับแจ้งว่า “ให้ทุกคนทำใจ” น้องป่วยด้วยโรค “ตับวาย” น้องมีโอกาสรอดแค่ 20% เท่านั้น

ตอนนั้นทุกคนช็อกกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และจากนั้นไม่นานก็เสียชีวิตโดยตนมีคำถามที่อยากจะถามผู้เกี่ยวข้องว่า เมื่อลูกมีอาการตับอักเสบและมีตับโต เมื่อประสานงานแล้วทำไมไม่สามารถไปรักษาตัวไปที่โรงพยาบาลในจังหวัดขอนแก่น แจ้งกับทางผู้ป่วยว่าเตียงไม่ว่างให้รอไปก่อน และการเคลื่อนย้ายยิ่งจะทำให้อาการทรุดและแย่ลงไปมาก ทำไมไม่ย้ายในตอนที่ร่างกายยังมีปฏิกิริยาตอบสนองดีๆ แล้วทำไมวันที่น้องแทบจะสิ้นลมแล้วถึงย้ายได้ เตียงมันว่างตอนไหนถ้าคุณว่าประสานให้แล้ว หรือมันแค่ความบังเอิญมีคนย้ายออก ลูกหนูเลยได้ครองเตียงพอดี

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองบอน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมีการจัดพิธีสวดอภิธรรมศพ น้องมิลค์ ซึ่งน้องเสียชีวิตด้วยโรคตับวาย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีคุณครูพาเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันมาเคารพศพ และเพื่อนของแม่น้องมิลค์มาร่วมงาน

แม่ของน้องมิลค์ กล่าวว่า แพทย์วินิจฉัยว่าน้องมิลค์เสียชีวิตด้วยอาการตับวาย ซึ่งตนเองมีคำถามคาใจมากมาย ถึงการรักษาของแพทย์ ตามที่ได้โพสต์ไปบนเฟซบุ๊ก ซึ่งที่มาโพสต์ก็เพราะว่าอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้แพทย์ พยาบาล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องใส่ใจในการรักษาดูแลคนไข้ให้มากกว่านี้

เพราะก่อนหน้านั้นลูกของตนก็เป็นเด็กปกติ ร่าเริงดี ไม่เคยมีอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่าเป็นโรคตับอักเสบ ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าหมอก็คงรักษาไปตามขั้นตอน หมอก็ทำเต็มที่แล้ว แต่อาการของลูกก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ จนลูกมาเสียชีวิตในที่สุด

สำหรับหัวอกของคนเป็นแม่คงไม่มีอะไรมาทำให้เสียใจได้มากเท่านี้อีกแล้ว ตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพิ่งจากเลิกกับสามีเมื่อ 4 เดือนก่อน และต้องทำงานเลี้ยงลูกคนเดียว หากชาติหน้ามีจริงก็อยากให้เกิดมาเป็นลูกของแม่อีก ทั้งนี้ ศพของน้องมิลค์ จะทำการฌาปนกิจที่วัดบ้านแห่เหนือ ในวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook