พรีม รณิดา นางเอกสายอวบ ถูกทักหุ่นเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

ถูกทักขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อได้เจอนางเอกสาว “พรีม รณิดา” ออกงานล่าสุด เพราะด้วยรูปร่างที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทำหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไปทำอะไรมาหรือเปล่า

โดยงานนี้สาวพรีมได้ออกมายอมรับว่าอวบขึ้นจริงๆ เพราะคนรอบข้างก็ทัก อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอเรียนหนักบวกกับทำงานไปด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ พร้อมบอกน้ำหนักไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ผลจากการไม่ออกกำลังกายจึงทำให้รูปร่างไม่กระชับเหมือนเดิม

พักนี้เราเรียนหนักหรือเปล่า ดูเบลอๆ ?
“คือจริงๆ เรามีเรียนทุกวันอยู่แล้วค่ะ แต่จะชอบลืมว่าเรียนห้องไหน แต่ไม่เคยเบลอถึงว่าลืมตึกอะไรแบบนี้ เหมือนเราเรียนเช้าทุกวัน บางทีก็มีสลับตึกบ้าง ถามว่าเป็นแบบนี้บ่อยไหม ส่วนใหญ่เต็มที่คือจะจำไม่ได้ว่าตัวเองจอดรถไว้ตรงไหนกับจำห้องเรียนไม่ได้ แต่ถ้าตึกเรียนจะพยายามไม่จำผิดบ่อย เพราะว่ามันวิ่งเหนื่อยมาก แล้วแต่ละตึกในจุฬาอยู่ไกลกัน กว่าจะขับรถออกจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งก็กินเวลาไปประมาณ 20 นาทีแล้ว ก็ทำให้เราเข้าเรียนเลทแต่ว่าอาจารย์ก็เข้าใจ จนจำชื่อเราได้แล้วตอนนี้”

ทำให้เกรดลดลงไหม ?
“ไม่ขนาดหรอก มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นทำให้รู้เลยว่าถ้าเกรดเราจะลดลงไม่ใช่เพราะความสามารถทางสมองแล้วค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจำตุกได้แม่นขนาดไหน(หัวเราะ)”

ช่วงที่ผ่านมาเราขับรถเองต้องระวังมากขึ้นไหม เพราะเราเรียนเช้าด้วย ?
“ใช่ค่ะ พรีมขับรถเองทุกวัน เรียนเช้าทุกวันด้วย มันก็จะมีเหนื่อยๆ กันบ้าง เราก็จะใช้วิธีฟังเพลงเอาจะได้กระตุ้นเรา”

แม่เป็นห่วงไหม ถ่ายละครดึก เรียนเช้า ?
“ก็เป็นห่วงค่ะ แต่ด้วยความสะดวกบางอย่าง เช่นเวลาเลิกเรียนตอนเย็น ก็ไปทำงานกับเพื่อนต่อ คุณแม่ก็จะไม่รู้ว่าต้องมารับเรากี่โมง ที่ไหน เพราะคุณแม่ไม่ได้มีเวลาที่จะสแตนบายรอเราได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกสบายใจที่จะขับรถเองมากกว่า แต่ว่าถ้าวันไหนไม่ไหวจริงๆ ก็จะมีบอกว่าแม่ขับรถให้หน่อยได้ไหมคะ ก็บ่อยเหมือนกันค่ะ ถ้าเป็นช่วงที่มีละครแล้วก็ช่วงสอบ จะให้คุณแม่ขับให้ค่ะ”

คิดว่ามันหนักไปสำหรับเราไหมทั้งงานทั้งเรียน ?
“จริงๆ ช่วงนี้ยังรับมือไหวอยู่ เพราะละครก็เพิ่งเปิดกล้อง ยังไม่ลงหนักกับคิวถ่าย ช่วงนี้เลยจะโฟกัสกับเรื่องมหาลัยมากกว่าค่ะ แต่ว่ามันอาจจะเป็นที่ตัวเราเอง เราเป็นคนที่ถ้าช่วงไหนไม่ได้ถ่ายละคร เราก็จะไม่ได้ตื่นเช้าทุกวัน เราก็จะไม่ชิน เพราะเราขี้เซาชอบนอนถึงสายๆ มันเป็นความเคยชินของคนที่ไม่ได้ขับรถ แต่เพิ่งขับรถไม่ได้นานมากกว่า”

เรื่องเรียนตอนนี้ใกล้จะจบหรือยัง ?
“ใกล้ความจริงแล้วค่ะ น่าจะรับปริญญาประมาณ พ.ค. - มิ.ย. ปีนี้แล้วค่ะ ของขวัญให้ตัวเองยังไม่ได้คิดไว้เลย ไม่ได่คิดไว้ด้วยซ้ำว่าเราต้องทำอะไรบ้าง จัดการอะไรบ้าง คือช่วงนี้เป็นช่วงของการทำทีสิสจบค่ะ เลยยังไม่อยากนึกถึงตอนจบ เพราะงานตรงนี้เรายังไม่เสร็จเลยค่ะ แต่ว่าทุกอย่างก็น่าจะจบภายในปีนี้แหละค่ะ”

คิดว่าจะจบแบบเกรดสวยๆ เลยไหม ?
“ก็คิดว่าสวยในแบบของเราค่ะ คือเราไม่ได้หวังเกียรตินิยมอะไรอยู่แล้ว เราหวังในความสบายใจมากกว่า เราหวังว่าเกรดอะไรที่เราถือว่าเราทำเต็มที่ของเราแล้ว แล้วในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนงานของเราด้วย”

เป็นความตั้งใจของเราที่อยากเรียนให้จบพร้อมเพื่อนๆ ?
“จริงๆ อีกแรงบันดาลใจของพรีมก็คือเพื่อนๆ นี่แหละ เพื่อนๆ บอกว่าไม่ได้ จะบังคับให้เธอต้องเรียนจบพร้อมพวกเรา ต้องมาถ่ายรูปด้วยกันให้ได้ นี่ก็เป็นอีกแรงหนึ่งที่ทำให้เราคิดว่ายอมไม่ได้ค่ะ”

วันที่บอกคุณแม่ว่าเราจะเรียนจบแล้วนะ คุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง ?
“เพิ่งบอกไปเมื่อ 2 วันที่แล้วเองค่ะ เพราะว่าเริ่มตัดชุดครุยแล้ว ก็บอกแม่ว่าเดี๋ยวจะต้องไปตัดชุดคุยแล้วนะ ฝันเป็นความจริงแล้ว คุณแม่ก็ดีใจด้วยค่ะ เดี๋ยวต้องรอวันที่ไปเอาชุดครุยมาไว้ที่บ้านนี่แหละ แม่คงจะเห็นแล้วบ่อน้ำตาแตกแน่ๆ”

ล่าสุดหลายคนบอกว่าเราดูอวบๆ ขึ้น ?
“ก็ช่วงทีสิสนี่แหละค่ะ ที่ทำให้เราออกกำลังกายไม่ได้ เรียนเช้า ทำงานจนดึก ช่วงละครชั่วโมงต้องมนต์ ที่ผ่านมา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่วิกฤตอีกช่วงหนึ่งเหมือนกันค่ะ จริงๆ เรื่องน้ำหนักมันแทบไม่ค่อยเปลี่ยนเลยค่ะ แต่ว่าพอเราไม่ได้ทำให้เหงื่อออก ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อเรากระชับ ความแตกต่างมันก็เลยเห็นชัด”

เราซีเรียสไหมที่คนจับตามองเรื่องหุ่นของเรา ?
“จริงๆ พรีมเองก็จับจ้องตัวเองเหมือนกันค่ะ เราก็พยายามสังเกตตัวเองว่าเริ่มขึ้นมาแล้ว เราก็จะพยายามออกกำลังกาย แต่ว่าถ้ามันไม่มีเวลาเราก็ได้แต่ทำใจไว้ก่อนว่าเราก็ต้องไปดูแลเรื่องการทานอาหารแทน แต่ว่าจริงๆ สุดท้ายแล้วเรื่องออกกำลังกายมันก็เป็นส่วนสำคัญเยอะค่ะ”

ทางช่องมีบอกให้ลดน้ำหนักไหม ?
“ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ จริงๆ คนที่ทักพรีมส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ตัว คือเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่เราจะคอยดูแล จะคอยช่วยเช็คกันอยู่แล้ว เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องของเรา เป็นเรื่องของผู้จัดการเราด้วย ของคุณแม่เราด้วยที่ต้องช่วยกันดูแล มันเป็นคำเตือนดีๆ ที่ทุกคนก็อยากทำให้ดีที่สุด ก็ไม่ค่อยเสียเซลฟ์ มันก็มีบ้างที่เราอยู่กับตัวเองทุกวันก็เลยไม่รู้ตัว เท่ากับคนที่อยู่รอบข้างเราและเห็นตัวเราค่ะ แต่จริงๆ ช่วงนี้ก็เริ่มมีเวลาออกกำลังกายมากขึ้นแล้วค่ะ(ยิ้ม)”