ตำรวจเหยื่อไฟใต้ทำตาบอด ใจแกร่งขออยู่พื้นที่ถึงเกษียณ

ตำรวจเหยื่อไฟใต้ แม้ตาบอดแต่ใจยังแกร่ง เรื่องจริงของ ด.ต.ธีรพงศ์ แก้วชำนาญ 22 ปีที่ทำงาน จะขออยู่ทำงานที่นี่จนเกษียณ

เหตุการณ์กลุ่มคนร้ายยิงถล่มโรงพักระแงะ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวมแถวเพื่อเคารพธงชาติในช่วงเช้า ส่งผลให้ ส.ต.ท.ศุภักษร สยุคงทน ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม พลีชีพ 1 นาย ส่วน ด.ต.ธีรพงศ์ แก้วชำนาญ ผบ.หมู่งานจราจร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผ่านมาแล้ว 1 ปีกับชีวิตของผู้พิทักษ์สันติราษฎรนายนี้ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ที่จะรับใช้พี่น้องปลายด้ามขวาน ใครเลยจะคิดว่าดาบตำรวจผู้นี้จะมีสภาพแบบที่เห็น ผลพวงจากการที่กระสุนปืนของคนร้ายยิงเข้าที่บริเวณขมับข้างซ้ายทะลุเบ้าตา ทำให้กระทบเส้นประสาทจนตาข้างซ้ายบอดสนิท แม้หมอจะทำการผ่าตัดทั้งสมองและตาถึง 4 ครั้ง แต่ริบหรี่ซะเหลือเกินกับการที่จะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง

ณ วันนี้ ดาบตำรวจวัย 48 ปี ผู้นี้ผันตัวเองตามที่ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผู้กำกับฯ ได้มอบหมายด้วยความเป็นห่วง ให้ทำหน้าที่ครู D.A.R.E. หรือที่เรียกกันติดปากว่า ครูแดร์ ที่เป็นโครงการการศึกษา เพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน ตามนโยบายของ สนง.ตำรวจแห่งชาติและกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ปฏิเสธและตอบโต้ยาเสพติดแก่เด็กๆอย่างจริงจัง

“ผมอยู่โรงพักระแงะมาตั้งแต่บรรจุปี 2539 เวลา 22 ปี ที่ผมทำงานที่นี่ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนๆดูแลเอาใจใส่ดี ตอนนี้ทำงานเป็นครูแดร์เป็นหลัก และบนโรงพัก ส่วนสภาพจิตใจตอนนี้ปรับได้แล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น สู้กับทุกสิ่ง เพราะเราต้องก้าวไปกับงาน ไม่คิดจะย้ายออกนอกพื้นที่ด้วย จะขออยู่ทำงานที่นี่จนเกษียณ”

แม้การผ่าตัดอีกครั้ง จะรอนายดาบผู้นี้รวมทั้งการใส่ตาเทียม แต่สิ่งที่เขาบอกคือ อยากจะอยู่แบบนี้ เพราะครอบครัวมีความสุขดี เราไม่พูดถึงเหตุที่เกิดขึ้น คุยกันเรื่องทั่วๆ ไป อยากบอกว่าไม่ใช่เพียงตาข้างซ้ายที่บอด แต่มันกระทบถึงสมอง ทำให้มีอาการข้างเคียงคือชักอยู่เสมอๆ นี่ล่ะผลพวงของไฟใต้ที่จะติดตรึงอยู่ทั้งในร่างกายและจิตใจของผู้ที่ถูกกระทำไม่รู้ลืม