สวยและรวย "ม้า อรนภา" เผยชีวิตนี้มีรักแค่ 3 ครั้ง ก่อนปล่อยโสดมา 25 ปีแล้ว
อยู่วงการบันเทิงมายาวนานมาก สำหรับนักแสดงและพิธีกรชื่อดัง "ม้า อรนภา" เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักเธอเป็นแน่ เพราะสวยเป็นสาวสองพันปี แม้ว่าจะอายุเข้าเลข 6 แล้ว แต่ยังสวยไม่สร่าง หน้าเด็กขึ้นทุกวันๆ ล่าสุดเธอได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ, เป๊กกี้ ศรีธัญญา และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร แต่ด้วยความที่พี่ม้าเป็นคนตอบตรง พูดตรง งานนี้ทำเอาพิธีกรของรายการแทบจะนั่งพับเพียบถามเลยทีเดียว
ทำไมสวยขึ้น พี่ไปทำอะไรมา?
“ก็คงไปพักผ่อนมา แล้วไปซ้อมเต้นที่เกาหลีมา แล้วเราก็เปลี่ยนทรงผมด้วย เพราะตัวเราไว้ผมม้ามานานมาก ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการค่ะ น่าจะประมาณ 30 ปีได้ ส่วนชื่อเรา ตั้งแต่เกิดมา เราเป็นลูกครึ่งจีนกับไทย เขาก็ตั้งชื่อว่า แป๊ะ เพราะเราขาว แล้วมีครั้งหนึ่งตอนนั้นมีละครเรื่อง แก้วหน้าม้า อยู่ในทีวี เขาใช้ผู้ชายเล่นนะ ตอนที่แปลงเป็นม้า ดิฉันนี้เป็นคนทำแล้วเหมือนมาก เพื่อนก็เรียกเราว่า ม้า ไม่ได้เรียก แป๊ะ แล้ว เขาตั้งชื่อเราเพราะละครแก้วหน้าม้า”
ที่เราเปลี่ยนทรงผม เพราะแก้เคล็ดเรื่องความรักจริงไหม?
“ไม่ๆ ไม่เกี่ยว คือตอนที่จะเปลี่ยน ดิฉันเป็นคนที่ผมตรงที่สุดในโลก ไม่เคยไดร์ผมเลย พอเราอายุหลังเกษียนมา ทำไมผมหยักศก ผมม้าดีด ม้าแตก ช่างก็ต้องมาไดร์ พอชีวิตประจำวันไปไหนมาไหน หน้าร้อนมันร้อนมาก พี่ก็เลยปัดผมไปข้างๆ”
ได้ยินเรื่องเม้าท์ว่า ช่างแต่งหน้าพี่ม้าต้องเป็นช่างคนนี้คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่จะลุกเป็นไฟทันที?
“จริงๆ ช่างประจำคนนี้มันเป็นมาโดยบังเอิญนะ เพราะว่าพี่ไปทำงานมาแล้วนะไปเดินแบบอีกงานหนึ่ง นั่งหลังห้องแต่งตัวเขาก็ถามพี่เติมหน้ามั้ย เราก็โอเค พอเขาเติมหน้าให้เราเสร็จ เราก็ควักกระจกมาดูโคตรสวยเลย ตั้งแต่บัดนั้น นางก็แต่งทุกวันนี้ แต่พี่ก็มีอีกหลายๆ คนนะ ที่แต่งหน้าให้พี่ด้วยเหมือนกัน”
คนมองว่าพี่ม้าเป็นคนวีนเหวี่ยงจริงไหม?
“ถ้าดิฉันเป็นคนวีน เหวี่ยง แล้วจะอยู่ในวงการนี้มาได้ถึง 30 ปีไหม แล้วจะมีใครเสนองานให้จนกระทั่งอายุ 64 แล้ว สมมติว่ารายการที่พี่ทำอยู่ แล้วเขาไม่ได้มีงบมาก เขาก็จ้างเด็กโปรดิวเซอร์ แล้วถ้าเด็กพวกนั้นกะโหลกกะลา ทำสคริปต์ไม่ดี ตัดต่อออกมาไม่ได้ หรืองานเบื้องหลังไม่ดี คนที่ต้องรับหน้าก็ต้องเป็นดิฉัน อย่างรายการทำอาหาร ก็ต้องมีจาน ช้อนชามสวยๆ วางอยู่ใช่มั้ย ไม่ใช่กะละมัง จะมาวางไม่ได้ เราก็พูดไปแล้ว เขาไม่ฟังเสียง ให้ด่าไหม ถ้าเราไม่จัดการ เราก็ผิดอีก
เพราะว่าอะไร ฉันต้องรับหน้า เวลาเขาเขียนด่าลงไอจีหรือเฟซบุ๊กก็มาถึงฉัน ฉันทำงานกับเด็กสมัยนี้แล้วปวดหัวมาก เพราะว่าเด็กสมัยนี้ทำงานแต่เปลือก ไม่ขยันแล้วไม่ลึกซึ้ง ไม่ขวนขวาย ฉันทำงานมาแล้วก็ฟังนะ เวลาฉันทำงานฉันก็โดนด่า ร้องไห้กลางรายการก็มี แต่ขอบคุณมากที่ทำให้มีทุกวันนี้ ไม่งั้นก็ไม่ได้เป็นเจ้าแม่วงการนี้ที่รู้หมดทุกอย่าง
ก่อนที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้ ฉันนับศูนย์มาก่อน ฉันกวาดพื้น ซักผ้าขี้ริ้วมาแล้วนะ ไม่เหมือนพวกเธอที่จบปริญญาตรี ปริญญาโท แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่มีความครีเอทหรืออะไร โง่ๆ เซ่อๆ ทำไปวันๆ ให้จบไป พอเราถามก็ไม่รู้เรื่องแล้ว รู้แต่ของตัวเอง แบบนี้โคตรโมโหเลย แล้วก็พูดไม่รู้เรื่อง เขียนก็ผิด พวกที่เป็นเพลท เขียนทุกอย่างสะกดผิดหมดเลย แล้วจะอ่านยังไง”
เรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง?
“ฉันเคยมีแฟนนะ อยู่กินกันมาด้วย ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ มี 3 คนด้วย เริ่มจากสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ดิฉันเรียนแล้วเขาโตกว่าทำงานแล้ว ก็อยู่กันไป 9 ปี แล้วก็จบกันไป คืออยู่กันนานมาก ตอนเลิกกันก็เฮิร์ทมากนะ ตอนนั้นเรียกว่าเป็นเฟิร์สเลิฟ รักแรกทำนองนั้น เลิกแบบไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้น เขาก็คงอยากไปมีครอบครัว อยากมีเมีย มีลูก แต่เราให้ไม่ได้ไง เราก็อยากมีเหมือนกันนะคะ แต่มีให้ไม่ได้ ก็จบกันไป”
พอมาคนที่ 2 ทิ้งระยะเวลานานเท่าไหร่ ถึงจะมีแฟนคนนี้?
“เราเศร้าอยู่ 7 วัน พอเปิดห้องก็เจอเลย คนนี้คบมา 12 ปี ตอนที่พี่อยู่ปารีสมีคนมาจีบทุกวัน กินข้าวเย็นฟรีทุกวัน”
รักครั้งไหนเจ็บสุด?
“ก็คงเป็นครั้งแรกมั้งคะ เพราะเรายังเด็ก ไม่มีสติ เราไม่รู้จักคำว่าสัจธรรมด้วย เราก็อึมครึมกับเรื่องราวที่วนอยู่ในอ่าง เราเจ็บมากนะ โชคดีมากที่แม่สอนไม่ให้ฆ่าตัวตาย”
คนที่ 3 คบกี่ปี?
“10 ปี ดิฉันเป็นแม่บ้านแม่เรือนนะ ดูแลดีเหมือนแม่เลย”
แล้วล่าสุดมีความรักไหม?
“ไม่มีมาประมาณ 25 ปีแล้วมั้งคะ มีคนเข้าตาเยอะมากนะ แต่เราค้นพบสัจธรรมทุกสิ่งทุกอย่าง จนเข้าใจแล้วว่า เราไม่ต้องมีเรื่องแบบนี้เข้ามาก็ได้ ก็มีความสุขที่แท้จริงด้วยเหมือนกัน ตอนนี้โสดค่ะ”
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ