สาวท้องแก่ ตกใจ! เจอหนุ่มขับเก๋งชักปืนขู่กลางสี่แยก สารภาพ ฉุนเบรกบ่อย

สาวท้องแก่ ตกใจ! เจอหนุ่มขับเก๋งชักปืนขู่กลางสี่แยก สารภาพ ฉุนเบรกบ่อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (3 เม.ย.) ผู้เสียหายเป็นหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน ที่จังหวัดเชียงใหม่ นำภาพจากกล้องวงจรปิดหน้ารถเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากถูกรถยนต์เก๋งคันหนึ่ง ขับจี้ท้าย ก่อนแซงซ้ายและชักปืนยืนออกมาข่มขู่ สร้างความตกใจและตัดสินใจแจ้งความเพื่อความปลอดภัย  

ในคลิปเป็นภาพจากกล้องหน้ารถของหญิงตั้งครรภ์รายนี้ ขับมาตามถนนโชตนา ขาออก โดยชิดเลนขวาเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ที่อยู่ข้างหน้า เมื่อขับผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กพ 9677 เชียงใหม่ ขับจี้ท้ายและกดแตรไล่หลายครั้ง ทั้งที่ตนเองขับรถมาตามปกติ และไม่สามารถขับต่อไปได้เนื่องจากมีรถด้านหน้าหลายคัน

เมื่อขับถึงสี่แยกข่วงสิงห์ ตนเองได้เลี้ยวขวา จังหวะนั้นรถเก๋งคันที่ตามมาได้แซงซ้าย พร้อมกับเปิดกระจกชักปืนพกสั้นยื่นออกมานอกรถข่มขู่ ทำให้ตนเองหวาดกลัวเป็นอย่างมากเพราะขับมาคนเดียวและยังท้องแก่ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจนำคลิปเข้าแจ้งความ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเวลา 17.31 น. วานนี้ ( 2 เม.ย.)

ต่อมาชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก ได้ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนและเข้าไปนำตัวนายธนารัตน์ อายุ 31 ปี จากบ้านพักในช่วงเช้าวันนี้ ( 3 เม.ย.) และนำตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวที่โรงพัก

จากการสอบสวน นายธนารัตน์ สารภาพว่า ได้ขับรถตามหลังผู้เสียหายและโมโหที่ผู้เสียหายขับรถช้าและเบรกอยู่หลายครั้ง ประกอบกับตนเองกลัวว่าจะนำเงินของสถานีขนส่งไปเข้าธนาคารไม่ทันจึงหงุดหงิด  กดแตรไล่ เมื่อถึงสี่แยกข่วงสิงห์

ตนเองตั้งใจจะเลี้ยวขวาเหมือนกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายก็ขับช้าและปิดช่อง ทำให้ตนเองเลี้ยวขวาไม่ได้ ทำให้ต้องตรงไปแทน จึงหงุดหงิดชักปืนอัดลมออกมาขู่ โดยไม่คิดว่าจะถูกแจ้งความ

นายธนารัตน์ บอกว่า ไม่รู้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้หญิงขับมาคนเดียวและก็ไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ทำให้ต้องขับช้าและเบรกหลายครั้งเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอโทษผู้เสียหายและจะไม่ทำแบบนี้อีก        

ด้าน พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุ หลังเดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาว่า คดีนี้แม้จะเป็นความผิดเล็กน้อย แต่ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนพิมพ์ลายนิ้วมือและนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ไม่ให้เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก เพื่อให้มีประวัติในระบบและให้หลาบจำไม่ไปทำอีก

นอกจากนี้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยังได้สั่งการให้ทุกโรงพักใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้ส่งผู้ต้องหาในคดีลักษณะนี้ให้ศาลพิจารณาตัดสิน ไม่ให้เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเพื่อป้องปรามสร้างความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีปริมาณรถคับคั่งบนท้องถนน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook