ต้อม รชนีกร เปิดใจเคลียร์ คนโยงปรี๊ดแตกโพสต์ฉะ น้ำตาล ชลิตา
ทำเอาต่อมเผือกของหลายคนกระตุกเลยทีเดียว สำหรับกรณีที่นักแสดงรุ่นใหญ่ “ต้อม รชนีกร” โพสต์ภาพกรวดน้ำ พร้อมเขียนข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวฉะดารารุ่นลูก ทำตัวไร้มารยาท ไม่ให้เกียรติทีมงาน ซึ่งงานนี้คนต่างก็ไปขุดคุ้ยว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังร่วมงานอยู่ใครบ้าง และหนึ่งในนั้นที่พุ่งเป้าไปหาเต็มๆ ก็คือนางเอกดีกรีนางงามอย่าง “น้ำตาล ชลิตา”
ล่าสุดในงาน The Best MAN Awards of Asia in Bangkok 2018 “ต้อม รชนีกร” ได้ออกมาเคลียร์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เผยให้ฟังว่า ไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นพิเศษ เพียงพูดถึงภาพโดยรวมที่เคยเจอมาตั้งแต่ทำงานในวงการบันเทิงมาเท่านั้น พร้อมเผยสาเหตุที่โพสต์เป็นเพียงแค่อารมณ์ในตอนนั้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว และยังยืนยันว่าเธอร่วมงานได้กับทุกคน เพราะไม่อยากมีอคติกับใคร
ถามถึงเรื่องที่โพสต์ว่าดารารุ่นน้อง คือเป็นนักแสดงที่เล่นละครกับเราหรือเปล่า ?
“ก็ต้องเป็นละครที่เคยเล่นด้วยกันมานี่แหละ ส่วนจะเป็นละครปัจจุบันนี้หรือเปล่า ขอไม่พูดอะไรเยอะไปกว่านี้ดีกว่า เดี๋ยวมันจะเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก เอาเป็นว่าที่เราโพสต์ออกไป บางทีมันก็มีบ้างที่เราอัดอั้นตันใจ เราอยู่วงการมาก็นานแล้ว"
"จากที่อยู่กันมา เราจะรู้จักคำว่ารุ่นพี่ รุ่นน้อง สัมมาคารวะ เวลา การให้ความเกรงใจในกันและกัน เลยมีความรู้สึกว่าช่วงหลังๆ เรื่องพวกนี้ มันหายไป เลยมีความรู้สึกว่าหัวหงอกอย่างเรามันคือตัวอะไร ก็เลยอาจจะมีบ้างที่รู้สึกน้อยอกน้อยใจ"
"แต่ ณ ตอนนั้นก็เป็นอารมณ์ผีเข้าผีออกตามประสาคนแก่ แต่ ณ วันนี้คิดว่าทุกอย่างมันควรหยุด เราไม่สามารถหยุดคนอื่นได้ ไม่สามารถไปบอกคนอื่นให้ปรับปรุงได้ว่าควรหยุด แต่สิ่งที่ทำได้คือเราต้องทำใจตัวเอง ด้วยโลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้อยู่ตรงนี้ได้"
ที่โพสต์ไปเราไม่ได้เจาะจงใครใช่ไหม ?
“เอาเป็นว่าไม่เจาะจงดีกว่า”
แต่ล่าสุดเหมือนมีน้องนักแสดงร่วม น้องน้ำตาล ชลิตา ออกมาชี้แจง เพราะหลายคนโยงว่าเป็นเขาเพราะพี่ต้อมบอกเขาเป็นดาว ?
“คือเราหมายถึงว่าเป็นนักแสดงแล้วเดินติดดินไม่ได้หรือ อยากแค่บอกน้องๆ รุ่นลูกๆ หลานๆ ว่าถึงจะเป็นคนของประชาชน เป็นนักแสดงแต่เราก็คือมนุษย์คนหนึ่ง”
ยืนยันได้ไหมว่าที่โพสต์ไม่ใช่ น้ำตาล ชลิตา ?
“เอาเป็นว่าไม่ต้องพูดถึงดีกว่า เอาเป็นว่าไม่ใช่ จบๆ”
แต่เวลาเราเข้าซีน และน้ำตาลขึ้นสตอรี่ไอจี มันดูสอดคล้องกัน ?
“ตัวเอง เราไม่ได้ทำละครแค่เรื่องเดียว”
หลังเราโพสต์ไป มีใครสายตรงมาหาไหม ?
“ก็จะมีสื่อโทรมาถามว่ามันอะไร ยังไง บางคนเราก็คุยไป แต่ดาราไม่มีใครโทรมาถามนะ ผู้จัดการน้ำตาลก็ไม่มีโทร”
ผู้จัดการน้องน้ำตาลไม่ได้มีโทรมาเคลียร์ใช่ไหม ?
“ไม่มีค่ะ (ยิ้ม)”
อยากสอนอะไรน้องคนที่เรากล่าวถึงไหม ?
“ขอบอกโดยรวมดีกว่า อย่างที่พี่ได้พูดไปแล้ว คือวงการนี้มันมาแว๊บไปแว๊บเนอะ สมัยนี้ก็ต้องรู้จักสัมมาคาราวะ อยู่ให้เป็น รู้จักเวลา ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่จะถ่ายละคร มันต้องมีอีก 20-30 ชีวิต รอคุณอยู่ ความเกรงใจมันต้องมี”
เหตุการณ์ที่เจอคือน้องคนนั้นมาสาย หรืออะไร ?
“อย่าบอกว่าน้องคนนั้น อย่าต่อตรง (หัวเราะ) มันก็มีหลายๆ คน เอาแบบนี้ดีกว่าเพราะเราส่งต่อถึงทุกๆ คนจริงไหม คือที่พูดไปหมายถึงโดยรวมที่เคยปะทะหรือเจอะเจอมา ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นใคร”
ได้มีโอกาสสอนเขาบ้างไหม ?
“ยังก่อนไหม แต่พี่จะเป็นคนประมาณนี้คือนับ 1 ถึง 10 แล้วถ้ามันไม่ใช่ ไม่ไหว ก็ต้องบอก ส่วนที่โพสต์ไป ณ ตอนนี้พี่หลุดไปแล้ว แต่ ณ เลเวลตรงนั้นคือเลือดจะไปลมจะมาเนอะด้วยวัย ตอนนั้นก็เลเวล 10 แล้ว ตอนนี้ตกมา 0 แล้ว ไม่มีอะไรอยู่ในใจหรือในหัวสมอง ที่สำคัญเรามีอะไรก็จะปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะเราทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เราไม่สามารถที่จะอคติกับใครได้เพราะเราจะไม่สามารถทำงานได้ อย่างที่บอกคือ ณ ตอนนี้ทุกอย่างมันต้องหลุดออกไปจากหัว หากเราทำงานกับใครแล้วยังมีอคติแบบนี้ เราอยู่วงการนี้ไม่ได้ เพราะมันจะอยู่ด้วยความไม่สบายใจ มองหน้ากันไม่ติด ถูกไหม”
แสดงว่าผู้ใหญ่ก็มีเรียกคุยกับสิ่งที่โพสต์ไป ?
“ผู้ใหญ่ในที่นี้ก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ในวงการ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่เรานับถือ”
หลังจากที่โพสต์ไปแล้ว น้องที่ได้ร่วมงานกับพี่หลายๆ คน มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปไหม ?
“(ยิ้ม) ก็น่ารักขึ้น เราก็ยังร่วมงานกันได้ปกติค่ะเพราะพี่ก็ปกติกับทุกคนอยู่แล้ว บรรยากาศภายในกองก็ดีค่ะ (หัวเราะ)”
ถ้าเรื่องต่อไปจะต้องได้ร่วมงานกันอีก โอเคไหม ?
“ร่วมค่ะ พี่บอกแล้วพี่ไม่มีอะไร พี่อาจจะปรี๊ดแค่วันนั้น แต่ ณ ตอนนี้คือพี่สงบแล้ว อย่างที่บอกว่าเราไม่สามารถจะเปลี่ยนใครได้ นอกจากเปลี่ยนตัวเราเอง ถ้าเราเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ เราก็เปลี่ยนคนรอบข้างไม่ได้”
กลัวว่าจากนี้นักแสดงรุ่นน้องจะเกร็งเวลาต้องได้ร่วมงานกับเราไหม ?
“ตัวเอง ขอฝากบอกทางกล้องทุกๆ สื่อเลยนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็ง แม่ลดลงแล้วลูก (หัวเราะ)”
เราคิดว่าแรงไปไหมกับสิ่งที่โพสต์ เพราะถึงขั้นกรวดน้ำให้กันเลย ?
“มันก็เป็นอารมณ์ช่วงหนึ่งเนอะ ตอนนี้หายแล้ว โพสต์นั้นเดี๋ยวไปเอาออกเลยก็ได้ (หัวเราะ) บางทีเราโพสต์แล้วก็ลืมไป เพราะเราแค่ต้องการที่ระบายอารมณ์ บางทีโพสต์ไปแล้วก็ไม่ได้เข้าไปดูกระแสตอบกลับ นานๆ ทีถึงจะเข้าไปดูสักที จนบางครั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่บางคนต้องโทรมาถามว่า ต้อมเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เห็นอ่านไลน์หรือเฟสบุ๊คเลย 2-3 เดือนแล้ว ไม่สบายหรือเปล่า เราก็บอกไม่เป็นอะไร เป็นติส โรคส่วนตัวเยอะไปนิด (หัวเราะ)”
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ