สกัดจับอดีตสจ.คนดัง โชว์ปืนขู่ชาวบ้าน เหตุขับรถปาดหน้ากัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 เม.ย.) จากจังหวัดลำปาง เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุตำรวจภูธรลำปาง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่ ผู้ก่อเหตุใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว หมายเลขทะเบียน บบ-2158 พะเยา โดยมีผู้เสียหายขับรถบรรทุกหกล้อ ไล่ติดตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง ช่วงเข้าสู่พื้นที่ สภ.ห้างฉัตร
จนเข้าสู่เขตพื้นที่ สภ.เขลางค์นคร จ.ลำปาง เมื่อรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้ขับเข้าไปซอยเทพประดิษฐ์2 เขตบ้านสบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง มีชายสูงวัยลงจากรถ ทางด้าน ร.ต.อ.ประหยัด ฉายา ร้อยเวรสายตรวจ พร้อมกำลังได้ติดตามมา เข้าตรวจสอบภายในรถยนต์ ซึ่งมีผู้เสียหายติดตามมาด้วย
จากการตรวจสอบภายในรถพบซองปืนวางอยู่เบาะหน้ารถ ส่วนปืนขนาด.357 วางอยู่ที่พักเท้าด้านคนขับ และยังพบว่าบรรจุกระสุนเต็มโม่6นัด ทราบชื่อต่อมาคือ นายอดิศักดิ์ อายุ 69 ปี เป็นอดีตสจ.และเป็นอดีตนายก เขตอำเภองาวหลายสมัย และอ้างว่ากำลังจะซื้ออะไหล่รถบรรทุก
ส่วนผู้เสียหาย ทราบชื่อคือ นายศิริชัย อายุ 38 ปี ได้ต่อว่านายอดิศักดิ์ ลักษณะว่าเก่งมากหรือ ที่มีอาวุธปืน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองฝ่ายไปยัง สภ.เขลางค์นคร จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืน มีทะเบียน แต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้รับใบอนุญาตพกพาและหมดอายุเมื่อปี2545
จากการสอบถามนายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ชักปืนจริง เพียงแค่เอามาโชว์ให้นายศิริชัย ที่ขับรถบรรทุกหกล้อไล่ติดตามหลัง เกรงว่าจะชน ให้เห็นว่ามีปืน ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น หากจะทำคงไม่เหลือ
ด้าน นายศิริชัย เปิดเผยว่า ได้ขับรถบรรทุกหกล้อ เพื่อไปบรรทุกไม้ซาง ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อขับมาถึงทางโค้งก่อนถึงศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ได้หักหลบหมุดกลางถนน โดยไม่ทันมองกระจกหลังว่ามีรถขับตามหลังมา อาจจะเป็นสาเหตุที่ให้ไม่พอใจ จึงได้ขับรถปาดหน้ากันไปมาหลายรอบ
จนในที่สุดได้จอดข้างทางทั้งสองคัน จึงได้เดินไปคุยเพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ต่างขับรถปาดหน้ากันไปมา แต่นายอดิศักดิ์ ได้เปิดกระจกรถลงชักปืนจ่อปลายกระบอกปืนใส่ ทำให้ตกใจจนขนหัวลุก ก่อนที่จะขับรถติดตามและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สกัดจับ และจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ต่อนายอดิศักดิ์ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และข้อกล่าวหาข่มขู่ ส่วนข้อหาอื่นนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป