ล้วงลึกดาวดวงใหม่ ณัฐ ศุภณัฐ ชีวิตพลิกผัน จากเด็กติดเกม สู่เส้นทางมายา
"ผมไม่เคยดูละคร ไม่เคยดูภาพยนตร์ และผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกม คือสิ่งที่ผมรักที่สุด แต่เมื่อโชคชะตาหยิบยื่นโอกาสให้ผมได้เป็นนักแสดง ผมก็ไม่ปฏิเสธและเลือกที่จะคว้าโอกาสนั้น"
คำพูดที่ถูกส่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเปื้อนแก้มของนักแสดงเลือดใหม่ "ณัฐ ศุภณัฐ เลาหะพานิช" ที่ยอมรับแบบไม่อายว่าตัวเองก็คือ "เด็กติดเกม" คนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง แต่ด้วยโชคชะตาหรือเพราะดาวกำหนด ทำให้วันนี้เจ้าตัวได้ก้าวเท้าเข้ามาสู่เส้นทางอาชีพนักแสดง โดยมีผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนอย่าง ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา เป็นผู้ผลักดัน
"ผมได้แสดงละครเพราะ พี่ไก่ วรายุฑ ที่แนะนำและชักชวนให้แคสต์งานละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้า ในบท ไคริ และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าพี่ไก่เห็นอะไรในตัวผม แต่คงเป็นดวงชะตาด้วยมั้งครับ ที่ทำให้ได้รับโอกาสนี้"
(ณัฐ ศุภณัฐ ในบทบาท ไคริ จากละครเด็ดปีกนางฟ้า)
ซึ่งก็ไม่แปลกหาก ณัฐ ศุภณัฐ จะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เพราะไลฟ์สไตล์ของเจ้าตัวช่างห่างไกลกับคำว่าดวงดาวเสียเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันถ้าส่วนหนึ่งของหัวใจไม่ได้หลงใหลในการเป็นนักแสดง ก็คงไม่สามารถทำให้มาได้ไกลขนาดนี้ เพราะ ณัฐ ศุภณัฐ ก็ยอมรับเช่นกันว่า ต้องเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่เพื่อให้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเป็นนักแสดงอาชีพ
"สำหรับการได้มาเป็นนักแสดงทำให้ผมต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองใหม่ทั้งหมด ทั้งการพูด การเดิน หรือแม้กระทั่งเวลาสำหรับเล่นเกม ดังนั้นถ้าถามถึงความท้อ แน่นอนครับว่าในช่วงแรกๆ มันต้องมีเพราะผมเองก็เคยกังวลว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันถูกต้องหรือเปล่า มันจะดึงเวลาเล่นเกมของผมหรือเปล่า แต่สุดท้ายผมได้รู้ว่ามันคุ้มค่า เพราะมันทำให้ผมได้มีโอกาสเจอกับอะไรที่ผมชอบจริงๆ และผมก็เชื่อด้วยว่าทั้งสองอย่างนี้มันสามารถทดแทนกันได้"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผลงานการแสดงเรื่องแรกของ ณัฐ ศุภณัฐ ก็ได้ออกสู่สายตาของแฟนละคร แม้บทบาทของเจ้าตัวจะไม่ได้โดดเด่นหรือเป็นที่สนใจเหมือนกับนักแสดงคนอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ก็คือ ความตั้งใจในการทำงานที่มีให้กับตัวละครนี้มากเกินกว่าคำว่าร้อยเปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้นแล้วอีกด้านหนึ่งของชีวิต อย่างที่เจ้าตัวได้บอกไว้ว่า ตนเองก็เป็นแค่เด็กติดเกมคนหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เป็นวันๆ เพราะโลกของเกมคือโลกที่ทำให้มีความสุขที่สุด ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเกมคือเรื่องไร้สาระ แต่กับ ณัฐ ศุภณัฐ การเล่นเกมนั้น ได้มอบความภูมิใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตให้กับเขา
(ณัฐ ศุภณัฐ พร้อมถ้วยและเหรียญรางวัลจากการแข่งกัน Ragnarok Thailand Championship 2017)
"ผมเริ่มเล่นเกมตั้งแต่สมัยอนุบาล และก็ไม่เคยคิดเลยว่าการเล่นเกมจะสามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับผม เพราะก่อนหน้านี้ผมเล่นเกมก็แค่เพื่อความสนุก แต่พอมีโอกาสได้ร่วมลงแข่ง Ragnarok Thailand Championship 2017 กับเพื่อนๆ ในทีม จนสามารถคว้าแชมป์อันดับ 1 ของประเทศไทยได้ วินาทีนั้นผมดีใจและภูมิใจในตัวเองมากๆ เพราะมันไม่ใช่แค่การแข่งกับคนอื่นเพียงอย่างเดียว แต่ผมยังได้แข่งกับความสามารถของตัวเองด้วย"
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของ ณัฐ ศุภณัฐ ตอนที่เล่าถึงเรื่องนี้ เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุดว่าเจ้าตัวมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ต่อยอดความสำเร็จของตัวเอง เปลี่ยนคำว่า "เด็กติดเกม" ให้กลายเป็น "เกมเมอร์" มากฝีมือ แถมยังได้มีโอกาสร่วมแคสต์เกมกับทีมงานชื่อดังระดับประเทศอย่าง "โรเจอร์ ฟิล์ม" ซึ่งเส้นทางนี้ไม่เพียงแต่จะมอบโอกาสครั้งใหม่ แต่มันยังได้มอบสังคมและมิตรภาพใหม่ๆ ให้กับเขาอีกด้วย
(ณัฐ ศุภณัฐ กับบทบาทนักแคสต์เกม โรเจอร์ ฟิล์ม)
จากที่ฟังเจ้าตัวเล่ามาอาจจะดูเหมือนว่า ชีวิตการเล่นเกมนั้นมีแต่เรื่องน่ายินดี แต่ ณัฐ ศุภณัฐ ก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับสุขภาพของตัวเอง เพราะตั้งใจที่จะส่งต่อเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับน้องๆ เยาวชน ที่ชื่นชอบการเล่นเกมเหมือนกันว่า ครั้งหนึ่งนั้น เจ้าตัวเคยต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงนานกว่า 3 เดือน เพราะการเล่นเกมมาแล้ว
"ก่อนหน้านี้ผมเคยมีอาการกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทครับ เนื่องจากผมใช้ชีวิตกับการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกปวดหลังตลอดเวลา ขนาดช่วงที่อาบน้ำ ผมก็ยังต้องนั่งพักเพื่ออาบตรงชักโครก มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมาก เนื่องจากกระดูกสันหลังของผมคดเป็นตัวเอส ตอนนั้นผมจำได้เลยว่าผมนอนเป็นผักอยู่ประมาณ 3 เดือน กว่าที่อาการจะดีขึ้น และคุณหมอเองก็แนะนำให้ผมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาจนถึงทุกวันนี้"
นั่นคือเรื่องราวชีวิตที่เกิดขึ้นกับ ณัฐ ศุภณัฐ ที่เจ้าตัวอยากจะบอกต่อให้กับแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเป็นดาว หรือเส้นทางการเป็นเกมเมอร์ ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ต้องยอมแลกเพื่อให้ได้ความสำเร็จนั้นมา และก่อนที่เราจะจากกันในวันนั้น ณัฐ ศุภณัฐ ก็ยังได้ฝากคำพูดประโยคหนึ่งถึงทุกคนที่มีฝัน หรือกำลังทำสิ่งที่ตัวเองรักอยู่ แต่อาจจะเจอกับอุปสรรคหรือคำพูดต่างๆ ที่บั่นทอนจิตใจเอาไว้ด้วยว่า
"ทุกสิ่งในชีวิตที่เราเลือกกระทำ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าสิ่งนั้นคือเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับผม ผมมองว่ามันก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะอย่างน้อยๆ เราก็ต้องได้อะไรจากมันบ้าง ไม่มีอะไรหรอกที่เราทำแล้ว เราจะไม่ได้อะไรจากมันเลย"
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ