เป็นหมาก็ยอม "บิณฑ์" ยันพูดความจริงเรื่อง "น้องอิน" หลังดราม่า...แส่ไม่เข้าเรื่อง

เป็นหมาก็ยอม "บิณฑ์" ยันพูดความจริงเรื่อง "น้องอิน" หลังดราม่า...แส่ไม่เข้าเรื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีอุบัติเหตุเสียชีวิตของอดีตดาราเด็ก “น้องอิน ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี” มามีการพาดพิงถึงกรณีที่น้องอินขับรถออกจากพัทยาด่วนเพื่อไปพระนครศรีอยุธยา เพื่อนสนิทเผยว่าน้องอินไปหาคุณพ่อ ในขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าน้องไปหาแฟนทอม ทำให้เกิดกระแสดราม่าว่าโหนกระแสหรือเปล่า

ล่าสุดรายการ โหนกระแส วันนี้ (9 เม.ย.) ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทางช่อง 28 ได้เชิญ บิณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่น้องอินสนิท รวมถึง “คุณต้น ภัทรวรรธน์ กรุณา” มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ประจำจุด สภ.บางปะอิน “คุณเจมส์ ศิริวัฒน์ ภาคเจริญ” มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ประจำจุด สภ.บางปะอิน มาร่วมชี้แจงกันกลางรายการ หลังจากที่มูลนิธิถูกสังคมตราหน้าเป็นมูลนิธิโจร ขโมยโทรศัพท์น้องอิน

คุณบิณฑ์ คุณเป็นประเด็นสังคม ไปรู้จักครอบครัวน้องอินได้ยังไง?
บิณฑ์ : “ผมไปเล่นละครแล้วเจอน้องอิน ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ น้องอินเป็นเด็กที่ดีมาก กตัญญู หาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่ 4 ขวบ น่ารักมาก เลยบอกว่าน้องอิน ตอนแรกขอให้มาเป็นลูกผมมั้ย แม่เขาบอกว่าไม่เอา งั้นเป็นน้องแล้วกัน เป็นเด็กน่ารัก ก็ให้เรียกพี่ตลอด ก็สนิทสนมกัน ผมไปไหนเขาว่างก็ไปกับผมตลอด ผมก็คิดว่าน้องอินเป็นน้องแท้ๆ คนหนึ่ง รู้จักตั้งแต่อายุ 8 ขวบจนถึง 20 ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ก็จะโทรคุยกัน ผมไปวัด ไปนั่งสมาธิเขาก็ตามไป สามวันห้าวันก็นุ่งขาวห่มขาวตลอด ผมไปเก็บศพเขาก็ไป เป็นคนที่มีจิตใจที่ดีมาก เป็นคนที่ผมรู้จักมา น้องอิน อะไรไม่ดีเขาก็ไม่เอา เป็นคนมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ ที่ผมออกมาพูด ที่ผมต้องออกมาแทนคุณแม่ เพราะผมเห็นแล้วว่าสภาพวันนั้นคุณแม่โทรมาหา เสียใจร้องไห้ เราก็รู้สึกว่าเหมือนใจเราจะขาดเหมือนกัน”

ทำไมแม่โทรหา?
บิณฑ์ : “ผมรู้เรื่องน้องอินตอน 10 โมงเช้า เกือบ 11 โมง”

รับแจ้งตอนไหน?
ต้น : “ตอน 07.40 น. ไปถึงไม่เกิน 8 โมง”
บิณฑ์ : “รู้เรื่องตอน 10 โมง แม่โทรมาร้องห่มร้องไห้ฟังไม่ได้ศัพท์ ผมก็บอกให้ใจเย็นๆ ผมเรียกแม่ว่าลัดดาเฉยๆ ไปเจอที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ผมก็ไปรอ ก็ไปหา ก็เจอ รอแม่ แม่ยังมาไม่ถึง”

ตอนแรกตกใจไหม?
บิณฑ์ : “ผมหน้าซีด ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเปล่า จังหวะที่น้องแอม ดาราช่อง 7 บอกว่าพี่คนที่เล่นหนังกับเรา ชื่อณัฐนิชา เชิดชูบุพการี เขาบอกว่าเสียชีวิตแล้วนะ ผมวูบเลย จังหวะแม่โทรมาพอดี ผมอยู่รพ.ทั้งวัน ผมเจอคุณหมอแล้ว คุณแม่บอกว่าอย่าผ่าได้มั้ย เพราะคุณหมอเขาต้องผ่าพิสูจน์ คุณหมอก็ถามว่ามีประกันชีวิตมั้ย เขาก็บอกว่าไม่มี นี่พูดเรื่องจริงนะเดี๋ยวมาต่อว่าผมอีก พูดตามเนื้อผ้า ก็บอกว่าไม่มีครับ ไม่มีใครติดใจอะไร ก็ไม่ผ่าให้ วันรุ่งขึ้น ผมไปเอาร่างน้องอินออกมา ผมก็ติดต่อทั้งเรื่องให้ผู้ใหญ่ติดต่อทางจราจรอยุธยาให้ เพราะต้องทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของน้องจากที่ประสบอุบัติเหตุ ก็ให้ลูกน้องไปทั้งพุทไธสวรรค์ ทั้งร่วมกตัญญู ผมก็รออยู่ ไปรออยู่ที่วัด ก็สั่งดอกไม้ 3 วันนี้ผมจัดการดูแลให้ทั้งหมด เรื่องเผาเรื่องลอยอังคารผมจัดการให้ทั้งหมด”

ที่ทำเพราะสนิทกับน้อง?
บิณฑ์ : “ใช่ครับ ไม่ถึง 5 วันผมไปทานข้าวกับน้องและคุณแม่”

มีลางบอกเหตุอะไรไหม?
บิณฑ์ : “ไม่นะ มีแค่มาปรึกษาผมเรื่องทำธุรกิจ เขาจะทำอยู่แล้วแต่มาปรึกษาว่าจะให้ผมลงหน้าแฟนเพจผม เรื่องธุรกิจของเขาเกี่ยวกับครีม ผมก็บอกว่าได้ไม่มีปัญหา เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวก่อนสงกรานต์มาว่ากันอีกที ทานข้าวกันเสร็จก็คุยกันซักพักหนึ่ง อีกวันหนึ่งประมาณเที่ยงวันที่ 6 น้องอินก็ไลน์มาหาว่าว่างเมื่อไหร่ วันรุ่งขึ้น 10 โมงเช้านั่นแหละถึงรู้ว่าน้องอินเสียชีวิต มันทำให้เรารู้สึกว่าเราเพิ่งคุย เพิ่งกินข้าวกันมา มันช็อก มันเร็วเกินไป”

เรื่องประเด็นสับสนที่มีการพาดพิงถึงน้องในมุมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กรณีน้องเดินทางไปพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่น้องออกจากพัทยา?
บิณฑ์ : “เรื่องราวทั้งหมดขอเอ่ยนามเพราะมีคนๆ หนึ่ง น้องเบล เป็นเพื่อนสนิทผู้ชาย วันที่รพ.ธรรมศาสตร์ ผมเจอน้องเบล ก็พูดคุยกับน้องเบล ก็มีประเด็นนี้ แต่ผมไม่ได้มีอะไร ก็ฟัง มันมีมาอีกคนคือน้องไทม์ เป็นผู้หญิงลักษณะผู้ชาย เป็นสาวหล่อมาคนนึง ผมได้ฟังข้อมูลมาก็โกรธ ไม่พอใจสาวหล่อ”

ทำไมถึงโกรธ?
บิณฑ์ : “เบลเล่าให้ฟังว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ลงดีเทล แต่เอาเป็นว่าผมโกรธ วันแรกที่เอาศพไปวัด น้องไทม์มารดน้ำศพ ผมก็อยากคุย ก็เรียกมาคุย เขาก็อธิบาย ก็ขอให้พูดเรื่องจริง ทุกอย่างที่เคยโกรธ เขาก็อธิบายโดยละเอียด เราก็รู้สึกว่าเรื่องจริงที่ฟังจากเบล จากไทม์ เรื่องจริงที่ฟังจากแม่ เพราะทุกคนประณามหรือกำลังเข้าใจว่าอินกินเหล้าเมา ทะเลาะกันกับแฟน ซึ่งเป็นเรื่องที่มันไม่ใช่ ผมก็ถามเลย ตอนคุยกับไทม์ เขายืนยันว่าน้องสติสัมชัญญะดีมาก ไม่ได้ทะเลาะกันด้วยแต่ว่าเสียงดังนิดหน่อย ตีสองครึ่งยังคุยกับน้อง”

น้องไทม์อยู่ไหน?
บิณฑ์ : “อยู่อยุธยา”

ความน่าจะเป็น น่าจะไปหาน้องไทม์?
บิณฑ์ : “ถูกต้อง”

น้องไทม์บอกไม่เมา?
บิณฑ์ : “ไม่เมา ไม่ง่วง ไม่อะไรทั้งนั้นเลย ลักษณะตอนตีสองครึ่งยังคุยไม่รู้เรื่องเพราะฝนตก ประเด็นคือน้องอินบอกว่าเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุยกันอีกทีหนึ่ง เดี๋ยวขับรถก่อน จนกระทั่งเกือบตีสาม น้องอินก็ไม่ถึงซักที ทางนี้ก็เลยโทรหา น้องอินก็ไม่รับสาย ตีสี่โทรหาก็ไม่รับสาย นั่นคือสิ่งที่ผมรู้และผมฟังมา สิ่งที่ผมพูดถามว่าผมพูดมากไปมั้ย ถ้าผมไม่พูด สังคมจะรู้ได้ยังไงว่ามันคืออะไร ไม่ใช่ไปต่อว่าน้องอิน หรืออะไร ผมรู้ว่าคนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ควรเอามาพูดในทางเสียหาย คนที่เข้าไปคอมเมนต์ควรมีความคิดหน่อย ไม่ใช่ไปต่อว่าเขา คุณแม่เขายังอยู่ ยังไม่เสียชีวิต ต้องให้กำลังใจเขา ไม่ใช่มาต่อว่า แล้วมาบอกว่าผมพูดมาก ผมต้องพูดความจริง”

ตัวเพื่อนบอกว่าพ่อน้องโทรหาน้อง 6 สาย แล้วก็บอกว่าให้รีบไปหาพ่อที่พระนครศรีอยุธยา เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสียชีวิตของคุณย่า หลายๆ คนมารออยู่แล้ว น้องเลยต้องมีความจำเป็นต้องกลับไป ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่พี่พูด?
บิณฑ์ : “ผมว่ากรณีที่บอกว่าคุณพ่อโทรเข้ามา อันนั้นผมว่าอาจมีการอยากจะออกตรงจุดนั้นหรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วคุณพ่อไม่ได้อยู่กับน้องอินมาตั้งแต่แบเบาะ แยกทางกันตั้งแต่วันนั้น ในตรงนี้คุณพ่อไม่มี เมื่อวานคุณพ่อก็ยังไม่ได้มา”

ถ้าตามที่เพื่อนๆ บอกคุณพ่อคงมาแล้ว?
บิณฑ์ : “ใช่”

เพื่อนน้องอินขึ้นข้อความในโซเชียลทางไอจีแล้วบอกว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นข้อเท็จจริง เพราะเธอเห็นว่ามีเบอร์คุณพ่อโทรมา ทางน้องอินบอกเพื่อนว่าพ่อขอให้ไปด่วน?
บิณฑ์ : “ก็เป็นสิ่งที่ผมทราบมาอย่างนั้น แต่การที่ผมพูดออกไป สังคมเลยถามว่าผมไปเสือกอะไร ผมเลยต้องออกมาพูด ผมยังเสือก เพราะอยากให้สังคมรู้ว่านี่คือสิ่งที่คนเข้าใจผิด ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็สนิทกับน้องอิน เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง”

เกือบเป็นพ่อบุญธรรม?
บิณฑ์ : “แล้วผมสามารถพูดได้เพราะคุณแม่น้องอินบอกว่าให้พูดแทนด้วยเพราะเขาพูดอะไรไม่ได้เลย คุณแม่น้องอินบอกว่าประมาณอาทิตย์กว่าๆ คุณพ่อเคยโทรมาหาน้องอิน ให้ระวังเรื่องรถ สงกรานต์อย่าออกไปเที่ยวไหนให้อยู่บ้าน”

เหมือนโทรมาเตือน?
บิณฑ์ : “ใช่ ไม่รู้คุณพ่อเขามีเซ้นส์อะไร คุณพ่อบอกว่าให้ระวังเรื่องรถ สงกรานต์อย่าไปเที่ยวไหน คุณแม่ยังมาบอกให้ผมฟังเลย น้องอินยังบอกว่าไม่ต้องห่วงหนูหรอก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผมขอพูดนิดหนึ่ง เหมือนกับว่าการตายของน้องอินเป็นการฆาตกรรม พอผมพูดถึงน้องไทม์ ก็เรียกน้องไทม์มาสอบปากคำ เรียกน้องเบล เรียกเพื่อนสนิททั้งหมด ผมอยากจะถามว่าเพื่ออะไร วันนี้น้องอินเขาตายโดยอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี แล้วเรียกเขามาสอบปากคำข้อหาอะไร เขาทำอะไรผิดเหรอ ที่คุยกับคุณแม่ เขาบอกว่าพอพี่บิณฑ์สัมภาษณ์ไป ก็โดนเรียกไปสอบปากคำ ผมก็อยากจะถามว่าเรียกเขาไปสอบปากคำเพื่ออะไร สอบปากคำทำไม ผมฝากถามเลย เขาไม่ได้โดนฆาตกรรม เป็นอุบัติเหตุแล้วแม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้”

เห็นบอกว่าน้องอินน่าจะเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่ตอน 7 โมงกว่าๆ แต่น่าจะเกิดตอนตี 3?
บิณฑ์ : “น่าจะโดยประมาณ เพราะว่าน้องไทม์ยังบอกว่าตอนตีสองครึ่งยังคุยกับน้องอินอยู่ แต่ตีสามไปแล้ว โทรไปโทรศัพท์ไม่รับ ตีสี่ก็ไม่รับ โทรไปเกือบ 30 ครั้ง มันผิดปกติ แต่น้องไทม์เขาเข้าใจว่าน้องไทม์งอน เพราะเขาก็เพิ่งรู้ว่าน้องเสียชีวิตตอน 9 โมงเช้าเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าน่าจะเกิดตอนตีสาม”

น้องอินออกจากพัทยาไปตอนตีหนึ่งครึ่ง น่าจะถึงจุดเกิดเหตุตีสาม ถือว่าเร็วมาก จากพัทยาถึงจุดเกิดเหตุ ถือว่าเร็ว ทำไมถึงคิดว่าตีสามที่น้องหายไปน่าจะเกิดอุบัติเหตุ?
บิณฑ์ : “เพราะผมคุยกับน้องไทม์ เขาบอกว่าตีสองครึ่งไม่รับสาย ตีสองสามห้ายังรับสายอยู่ บอกว่าเดี๋ยวถึงแล้วคุยกัน แล้วหลังจากนั้นก็หายไปเลย”

คุณต้นเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก?
ต้น : “ผมเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุกับทีมอีกสองสามท่าน เป็นชุดแรก รับแจ้งตอนประมาณเจ็ดโมงสี่สิบประมาณนั้นว่ารับแจ้งอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ช่วงถนนกาญจนาภิเษก ทางต่างระดับ ใกล้เคียงกับถนนเชียงราก ไปถึงจุดเกิดเหตุใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ พอถึงจุดเกิดเหตุมีประชาชนยืนอยู่สองสามท่าน ลงไปเห็นสภาพน้องนั่งอยู่บนเบาะคาดเบลล์อยู่ ก็จับสัญญาณชีพเบื้องต้นว่าน้องยังมีชีวิตอยู่มั้ย ตรวจสอบแล้วมีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ บริเวณหน้า และร่างกายที่ค่อนข้างบอบช้ำ เรายืนยันว่าน้องเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่สามารถนำร่างน้องออกมาได้ตามปกติ ต้องใช้เครื่องมือถ่างประตูเพื่อนำร่างน้องออกมา ชิ้นส่วนรถกระจัดกระจายค่อนข้างมากพอสมควร”

ตัวน้องเริ่มเสียชีวิตนานหรือยัง?
ต้น : “ถ้าตามที่ผมคิดถ้าน้องเกิดเหตุตอนหกโมงเจ็ดโมง ช่วงนั้นรถค่อนข้างเยอะน่าจะมีคนเห็น แต่เราคิดว่าน้องน่าจะเสียก่อนหน้านั้นเพราะตอนกลางคืนการจราจรส่วนมากจะมีรถใหญ่ ไม่มีรถสัญจรมากเท่าไหร่เพราะในเส้นนั้นไม่มีบ้านเรือนประชาชน ค่อนข้างจะมืด แล้วรถน้องหลุดมาข้างทาง ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น”

น่าจะเป็นไปตามที่พี่บิณฑ์บอก?
ต้น : “ก็ไม่แน่ใจ แต่โดยประมาณ ซึ่งตอนฝนตกหนักประมาณตีสี่ ช่วงรับแจ้งเหตุฝนหยุดตกแล้ว แต่ถนนค่อนข้างเปียกอยู่”

เห็นบอกว่าคุณก็โดนผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น?
ต้น : “ก็ตามที่เป็นข่าว เขาบอกว่าทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้หยิบโทรศัพท์น้องไป หยิบสร้อยน้องไป ตามเพจบางเพจ ที่เขียนข่าวน้อง ซึ่งบอกว่าน้องกำอะไรเอาไว้ ซึ่งตอนที่เราไป มือน้องไม่ได้กำอะไรเอาไว้ทั้งสิ้น แล้วโทรศัพท์วันนี้ทางเจ้าหน้าที่สภอ.บางปะอิน เมื่อช่วงบ่ายเจอซากชิ้นส่วนโทรศัพท์แล้ว เครื่องค่อนข้างเสียหาย เรามีภาพครับ ตอนที่ผมไปถึง ณ จุดเกิดเหตุผมไม่ได้เห็นน้องผมเห็นแต่ธนบัตรปลิวกระจัดกระจายตามหญ้า มีกระเป๋าของน้องกระเด็นอยู่ ทางผมและทีมงานเก็บได้อยู่พันกว่า ผมไม่แน่ใจและเก็บไว้ในกระเป๋าน้องไว้ แต่ ณ ตอนนั้นเราหาเอกสารอะไรไม่เจอ แล้วให้ทางเจ้าหน้าที่สายตรวจ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ร้อยเวรมาเปิดเพื่อตรวจค้น”

มีการกล่าวอ้างว่าภาพที่หลุดออกมาเป็นภาพน้อง เอามาวางบนถนน หรืออะไรก็แล้วแต่ ออกมาจากพวกคุณหมดเลย?
ต้น : “ภาพที่ถ่ายเป็นภาพจากมูลนิธิจริง ก็ยอมรับ”

ไม่สมควรหรือเปล่า?
ต้น : “ตอนแรกเราถ่ายเพื่อลงในไลน์ของกลุ่มเราเท่านั้น ผมไม่ทราบว่าหลุดออกมาได้ยังไง การทำงานของมูลนิธิ เราจะต้องถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน”
บิณฑ์ : “ตอนนั้นที่เจอร่างไม่รู้ว่าเป็นน้องอิน ก็ถ่ายรูปบัตรประชาชนหาว่าใครรู้จักน้องบ้าง ผมทำมูลนิธิผมก็รู้ว่าจะทำวิธีไหนที่จะติดต่อญาติได้ ถ้าไม่เจอโทรศัพท์ เจอบัตรประชาชนก็สงสารญาติพี่น้อง ก็ต้องแชร์ ว่าเกิดอุบัติเหตุ ใครเป็นญาติพี่น้อง ก็ต้องแชร์ไป”

เป็นเรื่องปกติของมูลนิธิ แชร์ให้กระจายหน่อย?
บิณฑ์ : “เราไม่ได้มาประจานอะไร แต่น้องเป็นคนดัง ถ้าไม่ดังก็ไม่มีอะไร เป็นเรื่องปกติ”
ต้น : “ที่เราทำ ทีมงานไม่ทราบจริงๆ ซึ่งพอเราได้โพสต์ก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นว่าน้องเป็นดารา”
บิณฑ์ : “ตอนผมสัมภาษณ์ มีนักข่าวถามว่าเรื่องโทรศัพท์ ผมก็สงสัย ทางทีมงานพุทไธสวรรค์ อินบ็อกซ์ไปหาแบมบี้ เพื่อนน้องอินได้ยังไง เพราะต้องหมายถึงเจอโทรศัพท์แล้ว”
ต้น : “อันนี้คือผมพิมพ์หาในเฟซบุ๊กตามบัตรประชาชน น้องได้พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็เจอเฟซบุ๊กของน้อง ก็อินบ็อกซ์ไปหาคนที่เขาแท็กหากันบ่อยๆ ผมไม่ได้ไปหาในเพื่อน ก็เลยทักไปทางอินบ็อกซ์ว่ารู้จักคนนี้มั้ย ตอนนี้คนๆ เป็นแบบนี้ ให้ติดต่อมาทางมูลนิธินิดหนึ่งเพราะน้องเขาเกิดอุบัติเหตุ”

รู้สึกท้อไหม?
ต้น : “ท้อนะครับ แต่พวกผมคือจิตอาสา ทุกคนมีงานประจำทำ ทุกคนแบ่งเวลาเพื่อมาทำงานอาสา ต้องแจ้งนิดหนึ่งว่าอาสาเราไม่มีเงินเดือนนะครับ บางคนแจ้งว่าเรามีเงินเดือนกิน ไปส่งรพ.แล้วได้เงิน ส่งศพแล้วได้ตังค์ ต้องแจ้งนิดหนึ่งว่าไม่ใช่นะครับ”
บิณฑ์ : “ผมทำงานนี้มา 30 ปี ผมเจอทุกประเด็นมาหมด ท้อไม่เคยท้อ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำ เราทำด้วยความตั้งใจจริง เราทำไม่มีอะไรแอบแฝง เราไม่เคยขโมยของศพ เราทำด้วยใจจริง แต่คนที่พูดเขาอาจจะทำแล้วมาพูดว่าเราเหมือนเขาหรือเปล่า ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวทุกอย่างก็คลี่คลายเอง แล้วมีใครออกมาขอโทษเขาไหม”

พอน้องเสียชีวิตมีมาทุกทาง รวมถึงถนนเส้นนั้น มีคนเสียชีวิตจุดของน้อง 4-5 ราย คร่าชีวิตคนไปเป็นว่าเล่น?
เจมส์ : “ไม่จริงครับ มีแต่บริเวณรอบๆ จุดตรงนั้นเป็นต้นก้ามปู เป็นสะพานข้ามทางรถไฟ”
ต้น : “ถ้าคนไม่ชินทาง ขับรถมาก็จะเหิน ตอนช่วงน้องขับมามีฝนตก อาจจะลื่นหรือเปล่า ด้วยน้องไม่ชินทาง ซึ่งมันก็องค์ประกอบหลายๆ อย่าง”

มีอะไรอยากจะพูดกับหลายๆ คนที่ดูอยู่ เขาว่าคุณเป็นมูลนิธิโจร?
ต้น : “ก็อยากให้เข้าใจว่ามูลนิธิทุกคนทำงานด้วยใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง แล้วทุกคนเรามาทำงานตรงนี้เต็มที่ เราเจอตรงนี้ทำให้เราท้อใจ แต่เราก็หาหลักฐานมาแก้ต่างจนได้ว่าเราไม่ได้เอาไป”

พี่บิณฑ์ครับ กรณีที่สังคมว่าคุณไปเสือกอะไรเขาอีกแล้ว?
บิณฑ์ : “ก็ยอมรับว่าเข้าไปเสือก แต่อยากให้ทุกคนรู้แล้วกระจ่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ไม่ใช่ไปพูดกันเอง ถ้าผมพูดก็เป็นความจริงทั้งหมด วันนี้แม่น้องอินจะแถลงข่าว ถ้าผมจะเป็นหมาผมก็ยอม ไม่เป็นไร สิ่งที่ผมพูดเพราะผมรักน้องอิน ผมรักครอบครัวนี้ ถ้าผมไม่ออกมาพูด แม่ก็ไม่พูดแล้วใครจะออกมาพูด เพราะเขามีกันแค่สองคนแม่ลูก เขาไม่เคยปรึกษาใคร นอกจากผม จะว่าผมเสือก ผมโหนกระแสก็พูดกันไป ผมจะไปโหนกระแสอะไร ผมพูดความจริง ก็อยากให้เข้าใจผมด้วย”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
พบแล้ว มือถือ "น้องอิน ณัฐนิชา" ตกพงหญ้าใกล้จุดเกิดเหตุ
ทีมกู้ภัยเผยนาทีช่วยเหลือ "น้องอิน ณัฐนิชา" ดาราสาวประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเปิดคลิปสุดท้าย "น้องอิน ณัฐนิชา" ไปเที่ยวพัทยากับเพื่อน ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
ย้อนผลงานอดีตดาราเด็ก "น้องอิน ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี" ก่อนจากไปด้วยวัยเพียง 20 ปี
"น้องอิน ณัฐนิชา" อดีตดาราเด็กชื่อดัง ขับรถ BMW เสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง เสียชีวิต
บิณฑ์ เผยเคยเตือน น้องอิน เรื่องขับรถเร็ว เศร้าเมื่อวานเพิ่งคุยกัน
"บิณฑ์" เผย "น้องอิน" รีบขับรถไปหาแฟนปัจจุบันที่อยุธยา ยืนยันน้องไม่เมา
แม่น้องอิน เปิดใจ สัมผัสได้ลูกกลับบ้านแล้ว ขอชาติหน้ามาเกิดเป็นลูกแม่อีก

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ เป็นหมาก็ยอม "บิณฑ์" ยันพูดความจริงเรื่อง "น้องอิน" หลังดราม่า...แส่ไม่เข้าเรื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook