นิสิตจุฬาฯ ร้อง UN ถูกฝ่ายความมั่นคงบุกถึงบ้าน
ตัวแทน UN กังวลรัฐไทยละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน หลังเพนกวิน พร้อมนิสิตจุฬาฯ เข้ายื่นหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กรณีถูกฝ่ายความมั่นคงบุกบ้านและคณะ เพื่อสอบถามประวัติและหาผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุชูป้าย 'ชาวจุฬาฯ รักลุงตู่ รักเผด็จการ'
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย น.ส.วิรัลพัชร รอดแก้ว และ นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนเครือข่ายเพื่อนนิสิตนักศึกษา เข้ายื่นหนังสือข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่องค์การสหประชาชาติ
หลังนิสิตจุฬาฯ 3 คน ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ไปสอบถามที่อยู่และประวัติที่คณะ และมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาที่บ้านเพื่อสอบถามทางครอบครัวว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ หลังจากนิสิตฯจุฬา ได้ชูป้าย 'ชาวจุฬาฯ รักลุงตู่ รักเผด็จการ' ระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หลังปาฐกถาพิเศษ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยนายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์หลังเข้ายื่นหนังสือว่า ทางตัวแทนข้าหลวงใหญ่ฯ มีความกังวลต่อกลไกของรัฐไทยตอนนี้มีปัญหา ในประเด็นสิทธิมนุษยชนก็ยังไม่เป็นในทางบวก และเห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษาเป็นสิทธิเสรีภาพทางการแสดงออก
ขณะเดียวกันมีความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้โทรศัพท์ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าทางหน่วยงานความมั่นคงต้องการที่จะดักฟังโทรศัพท์ของประชาชน ซึ่งทางข้าหลวงใหญ่จะพยายามสื่อสารไปยังรัฐบาลให้กลับสู่สภาวะปกติให้ยุติการละเมิดสิทธิประชาชน ทาง UN จะเป็นสื่อกลางให้รัฐบาลคสช.เคารพสิทธิประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศมากขึ้นขณะที่การยื่นครั้งนี้คาดหวังว่ารัฐบาลคสช. จะให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนและหยุดคุกคามประชาชนในทุกวิถีทาง ให้สมที่รัฐบาลตั้งเป็นวาระแห่งชาติ
ด้านน.ส.วิรัลพัชร กล่าวถึงการชูป้ายครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงออกถึงท่าทีของจุฬาฯต่อรัฐบาลเผด็จการ ที่ไม่ควรจะเป็นในแง่ต้อนรับหรือน้อมรับ ที่แสดงออกว่าจุฬาฯยอมรับกับอำนาจของเผด็จการ และอยากให้ประชาชนรู้ว่าในรั้วจุฬาฯยังมีคนที่ไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการ
เมื่อถามว่ามีผลกระทบภายหลังชูป้ายอย่างไร วิรัลพัชร ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาที่บ้าน 2 นาย และได้สอบถามครอบครัวว่าตนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างและมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองหรือมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผู้อยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด เป็นเพียงการร่วมกันกับกลุ่มเพื่อนนิสิตเพียง 4 คนเท่านั้น
"การที่เจ้าหน้าที่มาเตือน ว่าอย่าเพิ่งไปแสดงออกทางการเมือง มันเป็นการป้องปราม ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งมีนัยว่าถ้าคุณไปแสดงออกเราเล่นงานคุณแน่" วิรัลพัชร กล่าว
ขณะที่นายธนวัฒน์ กล่าวถึงการใช้ข้อความ "ชาวจุฬา รักลุงตู่ รักเผด็จการ" ว่า จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นองค์กรการค้าเพื่อแสวงหาผลกำไร การเปิดบ้านต้อนรับเผด็จการแลกกับผลประโยชน์เพียงน้อยนิด ซึ่งตนเห็นว่ามหาวิทยาลัยกำลังทำผิด ส่วนป้ายเนื่องจากวันนั้นทางผู้บริหารจุฬาฯ ได้ชื่นชมว่าเป็นปาฐกถาที่สุดยอด จึงเป็นที่มาของข้อความนี้ ที่เราจะพูดแทนใจผู้บริหารจุฬาฯ
ส่วนกรณีที่นายกฯ พูดว่าถ้าประเทศชาติมีปัญหาให้ออกมา ตนขอบอกว่าเราออกมาแล้ว หลังจากประเทศชาติถูกย่ำยีมาตลอด4ปี ก่อนพริษฐ์ กล่าวเสริมว่า "แล้วเมื่อไหร่ท่านจะออก"
ทั้งนี้เครือข่ายเพื่อนนิสิตนักศึกษา ประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยบูรพา
ทางด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชูป้ายประท้วงต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นการแสดงออกของเยาวชนนักศึกษา จึงไม่ติดใจในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าเมื่อนักศึกษาเติบโตขึ้นมา ก็จะทราบว่าอะไรผิดอะไรถูก
ส่วนกรณีที่นักศึกษาอ้างว่าถูกคุกคามจากหน้าที่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย ถ้านักศึกษาทำผิด ก็ต้องว่าตามกฎหมาย ซึ่งตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ต้องการเข้าไปติดตามนักศึกษา เพียงแค่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติธรรมดา ไม่ได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์หรือรถถังเข้าไป
"ถามว่าจะต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปอย่างไร หรือต้องให้นายกฯเข้าไปคนเดียว ดังนั้นอย่าเอาอารมณ์ของสังคมมาตัดสิน เพราะคนในโลกโซเชียลฯก็ส่วนหนึ่ง แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในโลกโซเชียล จึงอย่าเหมารวมแล้วตัดสินกัน แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะถูกใจ แค่ทหารเข้าไป แล้วมันเป็นยังไง เพราะเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงานตามปกติ" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว