ตำรวจปากน้ำให้ผู้ต้องหาเมาแล้วขับดื่มน้ํามนต์สาบาน "เมาแล้วขับกลับใจ"
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 เมษายน 2561 พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พร้อมคณะ พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมทรปราการ ได้ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ เมาแล้วขับ กลับใจ ต่อไปจะไม่เมาแล้วขับ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561ที่จัดขึ้นที่โรงพัก สภ.บางปู สมุทรปราการ โดยมีผู้ที่กระทำผิดกฏหมายเมาแล้วขับที่ถูกจับกุมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการจำนวน 380 คนเข้าร่วมในโครงการซึ่งได้นิมนต์พระมาเทศและปฎิญาณตนต่อหน้าขันน้ำมนต์ที่มีการมีดและหอกรวมทั้งลูกกระปืนอยู่ในขัน ก่อนคุมตัวส่งฟ้องศาลแขวงสมุทรปราการ
พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ทาง ภ.จว.สมุทรปราการ ได้ดำเนินการตามโครงการ เมาแล้วขับ กลับใจ ต่อไปจะไม่เมาแล้วขับ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2561 ทางตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้วางมาตรการในการเข้มงวด กวดขันผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ว่าต่อไปจะไม่กระทำอีก โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนสำนึกในกฎจราจร ในการขับรถดี มีวินัย ถ้าไม่ดื่ม ไม่เมาขณะขับรถ สถิติอุบัติเหตุ จะลดลงได้
โดยกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน ด้วยการนำข้อมูลอุบัติเหตุมาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน เนื่องจากในบางหมู่บ้านมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนซ้ำซาก จึงดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนที่มีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกัน ความสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินของคนในหมู่บ้านจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อจะนำไปสู้การลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ การเกิดอุบัติเหตุทางถนน ในภาพรวมของจังหวัดสมุทรปราการ ลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยบรรยากาศ ในโครงการนิมนต์พระสงฆ์มาทำการเทศนาให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด 380 คน เพื่อสั่งสอนตามแนวทางของพระพุทธศาสนาให้มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทและโทษต่างๆ ที่ เกิดจากการเมาแล้วขับ นอกจากจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตแล้ว และยังทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบด้วย จากนั้น ได้ให้ผู้ต้องหาทั้งหมด กล่าวสัตย์ปฏิญาณและดื่มน้ำมนต์ถือสัจจะ ซึ่งมี มีด และกระสุนปืน อยู่ในขัน ว่าจะถ้าดื่มสุราจะไม่ขับรถอีกเป็นอันขาด หากผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ ขอให้ชีวิตมีอันเป็นไปภายใน 3 วัน ก่อนที่จะคุมตัวทั้งหมดส่งฟ้องศาลแขวงสมุทรปราการ ต่อไป
สำหรับจังหวัดสมุทรปราการได้วางแนวทางมาตรการในการเข้มงวดการขับขี่รถในขณะ เมาสุรา โดยมีแนวคิด ที่จะเป็นสื่อประสาน เพื่อให้ประชาชนที่ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ต่อไปจะ ไม่กระทำผิดซ้ำอีก โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนสำนึกในกฎจราจรในการขับรถดี มีวินัย ถ้าไม่ดื่ม ไม่เมาขณะขับรถ สถิติอุบัติเหตุจะลดลงได้ ทั้งนี้พบว่าผู้ที่ดื่มเมาแล้วขับส่วนใหญ่จะรู้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านจุดไหนและก็จะมีการหลีกดลี้ยงไปใช้เส้นทางอื่นเราจึงได้ปรับยุทธวิธี ในการตั้งด่านตรวจ โดยการตีวงสุราให้แตก นำกำลังตำรวจไปสกัดวัดประมาณแอลกอฮอล์ บริเวณจุดที่มี การดื่มสุรา และทางออกหมู่บ้าน เพื่อหยุดยั้งการเมาแล้วขับ จึงทำให้สามารจับกุมผู้เมาแล้วขับได้ถึง 512 ราย
สำหรับโทษที่ผู้ต้องหาเมาแล้วขับหลังจากส่งฟ้องศาลแล้ว ศาลจะ”สั่งปรับตั้งแต่ 5,000-8,000 บาท /โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีรอลงอาญา 2 ปี /คุมประพฤติ โดยให้รายงานตัว 3 เดือนต่อครั้ง และบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้มาตรการคุมประพฤติ โดยการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลข้อเท้า อีเอ็ม ซึ่งผู้ถูกติดตั้งกำไลข้อเท้า จะถูกห้ามออกจากเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.05 น. เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งมาตรการนี้ ทางศาลแขวงกรุงเทพได้นำมาใช้แล้ว จึงอยากเตือนประชาชนถ้าดื่มแล้วต้องไม่ขับเพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนน อย่างไรก็ตามจากสถิติถือว่าการจับกุมผู้เมาแล้วขับนั้นพบมากขึ้นทุกปี เนื่องจากไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ ตนจึงต้องใช้มาตรการทางจิตใจมาบังคับกลุ่มนี้ โดยการดื่มน้ำมนต์ สาบานตน และถือสัจจะ ว่าจะไม่ดื่มแล้วขับอีก