สาวญี่ปุ่นโร่แจ้งความเงินหายกว่า 3 ล้านเยน ขณะนั่งเครื่องบินมาไทย
ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตัวแทนสายการบินไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เร่งตรวจสอบหลังรับแจ้งจากหญิงสาวชาวญี่ปุ่น วัย 49 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดการนางแบบสาวชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเที่ยวบิน TG 661 การบินไทย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 05.00 น. ของวันที่ 16 เมษายน 2561
และได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ ว่ากระเป๋าสตางค์จำนวน 2 ใบ ที่ใส่มาในกระเป๋าเดินทาง ภายในมีเงินสดสกุลเยน รวมแล้ว 3 ล้านเยน ได้หายไป
โดยผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นรายนี้ ซึ่งสื่อสารภาษาไทยได้เนื่องจากเคยอยู่เมืองไทยมาก่อน เปิดเผยว่า ตนและน้องสาวเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับนำเงินสดจำนวน 3 ล้านเยน ใส่ในกระเป๋าใบเล็กสีฟ้า พร้อมกับกล้องถ่ายรูปจำนวน 1 ตัว ใส่มาในกระเป๋าเดินทางใบเล็กสีน้ำเงิน
เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อมาทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีการนัดหมอไว้แล้ว จึงเดินทางมาจากสนามบินฮาเนดะ ซึ่งตอนแรกจะนำกระเป๋าสัมภาระที่มีเงินสดและทรัพย์สินเก็บอยู่ติดตัวขึ้นเครื่องมาด้วย แต่พนักงานของสายการบินแจ้งว่ามีผู้โดยสารจำนวนมาก และไม่มีที่ว่างเพียงพอที่จะนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนกล่องเก็บสัมภาระ และแนะนำให้โหลดมาใต้เครื่อง
ด้วยความรีบจนลืมว่าในมีเงินสดอยู่จึงไม่ได้เอาออก จนกระทั่งมาถึงสุวรรณภูมิ ได้เปิดกระเป๋าดูก็พบว่ากระเป๋า 2 ใบ ที่ใส่กล้องและเงินสดได้หายไปจึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินที่สำคัญมากสำหรับตนเอง เนื่องจากเป็นเงินที่เตรียมมารักษา และผ่าตัดทำศัลยกรรมให้กับนางแบบที่ตนดูแลอยู่
นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งได้สั่งการทุกภาคส่วนบูรณาการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บลายนิ้วมือแฝงและคราบ DNA กับผู้เสียหายและพนักงานทุกคนที่เข้ากะทำงานในการทำหน้าที่ เกี่ยวกับการลำเลียงกระเป๋าของผู้เสียหาย
พร้อมทั้งประสานงานฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวพนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำและเก็บ DNA และลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานก่อนจะพาตัวไปค้นห้องพักทุกราย แต่ไม่พบสิ่งปกติ
และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรวมถึงระบบการขนถ่ายสัมภาระของทางสายการบิน ทั้งจากสนามบินต้นทาง ซึ่งก็ได้รับการประสานและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี พบว่า กระเป๋าของผู้เสียหายที่ระบุว่าเงินสดหายไปนั้น ถูกลำเลียงเข้าตู้ขนถ่ายสัมภาระ
โดยต้นทางของสนามบินฮาเนดะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วเช่นกัน ก็ไม่พบว่ามีพนักงานรายใดผิดสังเกตหรือเปิดกระเป๋าของผู้เสียหายแต่อย่างใด หลังเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็พบว่าซีลที่ล็อกตู้มานั้นไม่มีชำรุดเสียหายแต่อย่างใด
และสายการบินได้ตรวจสอบเส้นทางการขนย้ายสัมภาระจากใต้ท้องเครื่องบินมายังสายพานก็ไม่พบสิ่งผิดปกติทั้งตู้ไม่มีการเปิดออก ระยะเวลาเดินทางของตู้สัมภาระมายังสายพานลำเลียง รวมไปถึงพนักงานที่ยกกระเป๋าออกมาจากตู้และวางใส่สายพานก็ไม่สิ่งผิดปกติ
พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้กล่าวว่า จากการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานตามระบบมาตรฐานที่วางไว้ทั้งของสนามบินสุวรรณภูมิและสายการบิน แล้วไม่พบสิ่งปกติใด ขณะเดียวกันได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บ DNA ในกระเป๋าทุกใบของผู้เสียหายแล้ว
โดยเฉพาะภายในกระเป๋า เพื่อใช้พิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับพนักงานขนถ่ายสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิรายใดหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ โดยตนมั่นใจในระบบของสายการบินและมาตรฐานของสนามบิน
ขณะที่การประสานงานทางสนามบินต้นทางก็ตรวจสอบไม่พบสิ่งปกติเช่นกัน คงต้องรอผลการตรวจสอบ DNA ซึ่งจะจะเร่งติดตามผลการตรวจดีเอ็นเอให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้คลี่คลายคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ