เปิดคำสารภาพสุดช้ำ ลูกเขยโหดยิงเมีย-พ่อตา ตำรวจเชื่อเตรียมฆ่าตัวตาย
ตำรวจกองปราบปราม เข้าจับกุมตัว นายสมหมาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
โดยจับกุมได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนสั้น ชนิดลูกโม่ ขนาด .38 ก่อเหตุยิง น.ส.อรณี อายุ 25 ปี ภรรยา และ ยิงนายสำเนา อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นพ่อตา เสียชีวิต ที่บ้านพักใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลูกเขยโหดยิงเมีย-พ่อตา ดับคาบ้าน 2 ศพ โมโหง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ)
พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้ก่อเหตุมีปัญหากับครอบครัวผู้ตาย เพราะหลังแต่งงานทางครอบครัวฝั่งภรรยาก็กีดกันไม่ให้ยุ่ง ด้วยความสงสัยและน้อยใจ วันก่อเหตุจึงเดินทางมาคุยกับครอบครัวฝ่ายภรรยาและก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุก็ได้ขึ้นรถหนีมาที่กบินทร์บุรี ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในห้องเช่าดังซึ่งเป็นสถานที่จับกุมเจ้าหน้าที่พบจดหมายลาตายไว้ในห้องพักที่ถูกจับกุม คาดว่าหากจับกุมช้ากว่านี้น่าจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ปืนที่ยิงมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นปืนของพ่อคนร้าย
จากการสอบสวน นายสมหมาย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยในวันเกิดเหตุตนได้ไปตามง้อปรับความเข้าใจกับ น.ส.อรณี ภรรยาแต่ไม่เป็นผล พร้อมทั้งถูกด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงเหมือนกับรำคาญ จึงเกิดบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนของพ่อตนเองที่แอบขโมยมายิงใส่ น.ส.อรณี จนเสียชีวิต ระหว่างนั้นนายสำเนา พ่อของ น.ส.อรณี ซึ่งเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงวิ่งปรี่เข้ามายื้อยุดฉุดกระชากปืนจากตน ด้วยความตกใจจึงลั่นไกใส่นายสำเนา จนเสียชีวิตไปอีกราย
ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุตนทำอะไรไม่ถูกจึงรีบหนีขึ้นรถโดยสารเดินทางไปหาที่กบดานตามต่างจังหวัดแบบไม่มีจุดหมาย ก่อนจะมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว
นายสมหมาย ให้การต่อว่า สำหรับสาเหตุเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างตนและภรรยาเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2560 หลังครอบครัวตนและภรรยาต้องการให้ตนแต่งงานกัน โดยที่ไม่เคยรักใคร่หรือชอบพอกันมาก่อน โดยมีสินสอดเป็นเงินจำนวน 8 หมื่นบาท พร้อมกับทองคำหนัก 1 บาท ทั้งนี้พอแต่งงานกันแล้วตนก็พา น.ส.อรณี มาอยู่กินกันที่ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากตนต้องมาทำงานเป็นช่างประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่โรงงานแห่งหนึ่ง แต่พอหลังจากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้เพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ น.ส.อรณี ก็เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป ทำตัวห่างเหินเหมือนรังเกียจและไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ก่อนจะหนีกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด
ที่ผ่านมาหลังจากแต่งงานกันมา 1 ปี ตนและ น.ส.อรณี เคยร่วมหลับนอนกันเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น อีกทั้งเวลาที่ตนกลับมาตามง้อก็ถูกคนในครอบครัวของ น.ส.อรณี กีดกัน มีเพียงแค่แม่ของ น.ส.อรณี เท่านั้นที่เอ็นดูตน รักตนเหมือนลูกจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตนรู้สึกน้อยใจ เหมือนกับหลอกแต่งงานเอาเงินสินสอด
นายสมหมาย เผยว่า ก่อนแต่งงาน ผู้ตายเคยบอกตนว่าอยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง แต่พอเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นตนที่รักเธอฝ่ายเดียว ส่วนเธอกลับทำเหมือนตนเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่ยอมให้เข้าใกล้ แม้แต่ตอนนอนยังต้องเอาหมอนข้างมาวางกันกลางไม่ให้ใกล้ชิดกัน สุดท้ายอยากฝากขอโทษที่ก่อเหตุดังกล่าว ที่ทำไปเพราะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
นอกจากนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบจดหมายลาตายอยู่ในห้องพักผู้ก่อเหตุด้วย คาดว่าอาจมีการคิดฆ่าตัวตาย โดยจะมีการส่งตัวผู้ต้องหาให้ตำรวจในพื้นที่นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป