รวบหัวหน้าแก๊งกำถั่วหนีหมายจับ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2561 พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.กก3 บก.ป. พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ อำนวยการให้ พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.ธินินทร์ เทพชารี รอง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายจับ 508/2 ที่ จ./2552 คดีที่ 0423/2552 สภ.บางพลี ที่ 203/2552
เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 320 หมู่ 10 บ้านดงบ่อ ต.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ทำการจับกุมตัวนาย นายวัชรพงศ์ หรือเสี่ยโทน อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อำเภอยางตลาด
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาล จ.สมุทรปราการเข้าทำการชี้แจง ด้านผู้ต้องหามีอารมณ์ไม่พอใจพูดจาเสียงดังดื่มสุรา เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัวไปที่กองกำกับสืบสวนภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนที่จะส่งตัวไปที่ สภ.บางพลี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สืบทราบว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2552 ที่หมู่ 10 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นางบุญล้อม ศรีอินทร์มนต์ ผู้กล่าวหา ได้ให้การว่า ผู้ต้องหาได้มาที่บ้านพักอาศัย โดยบอกว่าจะพาเพื่อนชาวไต้หวันมาซื้อบ้านของผู้กล่าวหาในราคา 4 ล้านบาท และพูดว่าเมื่อวานได้เสียพนันไป 3 ล้านบาทไม่รู้ว่าโดนโกงรึเปล่า
จากนั้นจึงได้โทรหาเพื่อนอีกคนให้มาสอนวิธีการโกงเล่นพนันกำถั่วให้ผู้กล่าวหาดู โดยใช้เมล็ดฟักทองแทนถั่ว จนผู้กล่าวหาพอเข้าใจเล่นได้แล้วต่อมาผู้ต้องหาอีกคนได้ขับรถเบนซ์ป้ายแดงถือกระเป๋าสีดำเดินเข้ามาในบ้านได้เปิดกระเป๋าให้ดูว่ามีเงินสดจำนวน 6 ล้านบาทอยู่ในกระเป๋า
พร้อมกับท้าทายให้ผู้กล่าวหาร่วมเล่นพนันด้วยจนหลงเชื่อร่วมเล่นพนันด้วย โดยทั้งหมดบอกว่าให้เอาเงินคนละ 4 ล้านบาท มาลงหุ้นกัน แต่ผู้กล่าวหามีเงินจำนวน 1 ล้านบาท ผู้ต้องหาจึงพานั่งรถไปเบิกเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทที่ธนาคารและเดินทางกลับบ้านที่บ้าน
โดยให้ผู้กล่าวหาเป็นเจ้ามือและใช้การเขียนจำนวนเงินลงในแผ่นกระดาษไว้สำหรับแทงพนัน โดยแทงกันครั้งละเป็นแสน ถึง 2-3 ล้านบาท และมีการจดบันทึกไว้ว่าใครได้เสียเท่าไหร่
โดยเล่นกันตั้งแต่เวลา 15.00 - 16.00 น.พบว่าผู้ต้องหา 2 คนและผู้กล่าวหาเป็นหนี้พนันกำถั่ว โดยให้เอาเงินมาวางรวมกัน ผู้กล่าวหาได้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาท ไว้ในกระเป๋าวางเอาไว้ก่อนการเล่นการพนันแล้วได้ถูกผู้ต้องหาเป็นคนเอาเงินไป
โดยบอกว่าผู้กล่าวหายังเป็นหนี้ ที่ค้างชำระอีก 3 ล้านบาท หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาทั้งหมดพากันหลบหนีไป ผู้กล่าวหาทราบว่าถูกหลอกเอาเงินไป จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง
โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ขอศาลอนุมัติหมายจับตั้งแต่ปี 2552 แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้หลบหนีไป จนทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่านายวัชรพงศ์ หรือเสี่ยโทน ได้มาอาศัยอยู่ที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางในพื้นที่สูง โดยทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลเครือข่ายและทราบว่าภรรยายังมีหมายจับอีกด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ขอหมายค้นบ้านจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจสอบภายในบ้านอย่างละเอียดอีกครั้ง