เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ เสียงหัวเราะของ “โหน่ง วสันต์” แฉชีวิตในวงการมายา

เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ เสียงหัวเราะของ “โหน่ง วสันต์” แฉชีวิตในวงการมายา

เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ เสียงหัวเราะของ “โหน่ง วสันต์” แฉชีวิตในวงการมายา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน “โหน่ง วสันต์ อุตตมะโยธิน” หรือที่ทุกคนในวงการบันเทิงเรียกติดปากว่า "ป้าโหน่ง" เขาคือตัวแทนของความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ ปากกว้างๆ เรียกว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้คนดูละครเกิดภาพจำที่ชัดเจนมาก 

ปัจจุบันยังเห็นผลงานของเขาอยู่หน้าจอทีวี ในยุคที่มีการเปิดกว้างทางสังคมในเรื่องของเพศสภาพ นักแสดงรุ่นใหญ่มีมุมมองต่อเรื่องนี้ว่า "วันนี้กับเมื่อก่อนแตกต่างชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า" 

"ทุกวันนี้ก็เปิดกว้างนะ เป็นไปตามสภาพสังคม การยอมรับถือว่ามีมากกว่าเมื่อก่อน มากถึงมากที่สุดด้วย แต่ไม่อยากใช้คำว่าเปิดกว้าง เพราะยังไงสังคมไทยก็ไม่เปิดกว้างให้เต็มที่ แต่ถ้าเทียบกับยุคที่เราเข้าวงการแรกๆ ก็หน้ามือเป็นหลังเท้า ถ้าถามว่าเมื่อก่อนเคยโดนวิจารณ์หนักๆ ไหม ก็ไม่เคย ถือเป็นโชคดีของเราอย่างหนึ่ง แต่มีช่วงที่ลำบากที่สุดตั้งแต่ทำงานในวงการ คือช่วงที่กฎหมายห้ามคนที่มีบุคลิกเบ่เบ๋ออกโทรทัศน์ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่างานเราขาด เราก็พูดครับไปเลย”

เหรียญมีสองด้านเสมอ มีคนชอบย่อมต้องมีคนวิจารณ์ เมื่อถามถึงวิธีจัดการกับความรู้สึกกับคนที่มีทัศนคติไม่ดีต่อตนเอง เนื่องจากบางคนมองว่าอาจทำให้เกิดการลอกเลียนแบบเพศสภาพในเยาวชน คำตอบแซ่บๆ จึงพรั่งพรูออกมา

"ไม่จัดการค่ะ ช่างมัน (หัวเราะ) คิดโง่ๆ เหรอคะ ว่าเด็กเลียนแบบ การที่เด็กจะเป็นก็เป็นตั้งแต่อยู่ในท้องค่ะ ไม่ต้องมาเลียนแบบ เขาจะแสดงออกมากน้อยแค่ไหน ความถูกต้อง ความเหมาะสมของเขาถ้าคุณยอมรับไม่ได้ คุณก็ต้องอบรมเขาแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็เรื่องของคุณ จะด่าคนอื่นก็ต้องด่าตัวเองก่อน”

คำพูดที่ไร้การประดิษฐ์ ในมุมมองของ พี่โหน่ง สรุปให้เห็นว่าการที่เพศสภาพไม่ตรงเพศกำเนิดนั้นไม่ใช่โรคติดต่อที่เป็นกันได้ง่ายๆ อยู่ที่ว่าเราต้องยอมรับให้ได้เท่านั้น  

ชีวิตปัจจุบันของ พี่โหน่ง งานหลักของเขาคือการพักผ่อน มีความสุขกับการอยู่บ้าน เรื่องงานในวงการถ้ามีก็รับ ไม่มีก็ไม่เป็นปัญหา และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะทำเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ทำมาโดยตลอด จากการเป็นตัวประกอบค่าตัวหลักร้อย จนกระทั่งไม่สามารถบอกค่าตัวสูงสุดของชีวิตนักแสดงกับเราได้

"ช่วงที่งานเยอะที่สุดก็รับละครไม่เยอะ เราจำกัด ปีหนึ่งรับไม่เกิน 3 เรื่อง เพราะจะเกินสมรรถภาพในการทำงานของเรา ตอนนี้พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ผัวก็ไม่มี เรื่องหาคนมาอุปการะก็ไม่นิยมค่ะ ในชีวิตก็มีญาติพี่น้องบ้าง ส่วนอนาคตตอนนี้ก็ไม่วางแผนอะไร เพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ การวางอนาคตเป็นเรื่องของเด็กๆ ส่วนการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลาย เราไม่กังวล ไม่ห่วง ตายก็ตาย มันก็คือจบชีวิต จะไปห่วงว่าไม่มีคนเลี้ยงอะไรแบบนี้ ไม่ห่วงค่ะ จะไปห่วงทำไมล่ะคะ คนจะไปก็ต้องไป”

การเลือกรับงานย่อมส่งผลต่อรายได้ ในเมื่องานในวงการไม่ใช่ช่องทางของรายได้หลัก แล้วเงินที่ใช้ในแต่ละวันมาจากไหน นี่คือความสงสัยที่เกิดขึ้น พี่โหน่ง บอกอย่างอารมณ์ดีว่า

“รวยแล้วไง (หัวเราะ) รวยมาก่อนเล่นละคร ตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้เงิน เค็ม การแสดงก็มีมาบ้าง เราไม่ได้ใช้เงินเยอะ วันหนึ่งกินข้าวไม่กี่บาท เป็นคนสมถะ มีสาระ ไม่ยึดติด ปล่อยไปเรื่อยๆ ชอบช็อปปิ้งแต่ไม่ซื้อของ เมื่อก่อนเคยซื้อทุกอย่าง พอกลับมาดูแล้ว อ้าวมีแล้วนี่ ถ้าถามว่าประหยัดไหม ให้เรียกว่ามีสาระในการซื้อของดีกว่า ถ้าจะซื้อมาเพื่อออกสังคมก็อีกเรื่อง แต่เราไม่ได้ไปไหน อยู่บ้าน เราอยู่กับเพื่อนที่ไม่ได้อวดร่ำอวดรวย ไม่ได้ไปอวดใคร สิ่งที่จำเป็นก็หามาในราคาที่เหมาะสม”

ความฮาที่ส่งผ่านคำตอบในแต่ละคำถาม ทำให้สงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าชีวิตที่แท้จริงของ “โหน่ง วสันต์” นั้นตลกเหมือนในจอ หรือไม่ เพราะเท่าที่สังเกต ยังไม่เห็นสีหน้าของความเคร่งเครียดแม้แต่น้อย เราชักอยากจะรู้แล้วว่าชีวิตที่ไม่ตลก ของนักแสดงสายฮาคนนี้คืออะไร

“ไม่ได้คิดว่าตัวเองตลก เรียกว่าเป็นคนสนุก ชอบแสดงออก มองโลกในแง่บวก และแตกต่าง เรื่องความทุกข์ทุกคนต้องมีนะคะ พ่อตาย แม่ตาย หมาตาย ขี้ไม่ออก ปวดท้อง เราเป็นมนุษย์ จะมาตลกกับชีวิตตลอดไม่ได้"

"ส่วนวิธีจัดการกับปัญหาอุปสรรค ความทุกข์ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นสมบัติของทุกคนที่มันจะต้องเกิด เพียงแต่เราจะยอมรับมันได้มากน้อยแค่ไหน และก็ปรับตัวไปกับมัน เวลาจะช่วยได้เยอะมาก ปัญหาที่เข้ามามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องเกิดกับมนุษย์ทุกคน เหมือนเกิดแก่เจ็บตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์”

ฟังดูแล้วเหมือนเป็นคำตอบจากคนที่ปลงกับทุกสิ่งบนโลกนี้ แต่ที่จริงแล้วนี่คือความคิดของผู้ที่นำหลักธรรมมาปฏิบัติตั้งแต่วัยรุ่น ผิดไปจากหลายๆ คนที่เห็นความหมายของหลักธรรมเมื่ออายุมากแล้ว

ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงผู้มากประสบการณ์ มุมมองต่อวงการบันเทิงย่อมแตกต่างจากคนรุ่นใหม่ สิ่งที่ “โหน่ง วสันต์” อยากจะฝากถึงผู้ที่อยากเข้าวงการ จึงเน้นย้ำไปที่การเคารพต่ออาชีพนักแสดง

“ถ้าอยากเข้ามาก็ต้องตั้งใจจริง ใฝ่รู้และใช้ประโยชน์ตรงนี้ให้เต็มที่ ไม่ใช่อยากมีชื่อเสียง อยากได้เงินเยอะๆ 1-2 ปีแล้วหายไป หรือทำอย่างอื่นแล้วใช้งานบันเทิงเป็นอาชีพแฝง ถ้ามีเด็กๆ เข้ามาใหม่ เราก็แนะนำได้แค่ให้ใจเย็นๆ ให้เคารพต่ออาชีพตัวเอง ไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตาม

เรื่องสุดท้ายที่อยากรู้นอกเหนือจากการใช้ชีวิตและทัศนคติเรื่องต่างๆ ก็คงเป็นเรื่องความรัก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการเปิดเผยกับใคร 

“ความรักเป็นเรื่องที่ดี ถ้ามีความรักเข้ามาก็รับมัน แต่ต้องพิจารณาและมีสติค่ะ ทุกอย่างที่ทำไปต้องมีสติเป็นองค์ประกอบทั้งนั้นค่ะ แต่ถ้าถามว่าเรามีคู่คิดไหม คือไม่มี ไม่นิยมค่ะ ตอนนี้ใช้ชีวิตแบบมีความสุข กับเพื่อน กับครอบครัวค่ะ”

ยังคงเป็นคำตอบตามสไตล์ของ “โหน่ง วสันต์” ส่วนแฟนๆ ที่คิดถึง แต่หาช่องทางการติดตามชมงานละครไม่เจอ ทางเจ้าตัวเขาฝากบอกมาว่า

“ละครก็มีประปรายนะ ถ้าถามว่าหายไปไหน ถ้าเธอทำงานกลางคืน จะเห็นฉันเหรอ ฉันก็เล่นละครหลังข่าวไง มองตัวเองด้วย  (หัวเราะเบาๆ แบบมีเอกลักษณ์)"

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ เบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ เสียงหัวเราะของ “โหน่ง วสันต์” แฉชีวิตในวงการมายา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook