หารือเจบีซีรื่นทุกข้อตกลง เว้นชื่อเรียก ปราสาทพระวิหาร
ประชุมเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา คืบ เห็นพ้องทุกกรณี ยกเว้นชื่อเรียกตัวปราสาทพระวิหาร เผยลงนามบันทึกการประชุม 3 ฉบับ แต่ไม่มีผลจนกว่าจะผ่านขั้นตอนทางกฎหมายครบ ประชุมครั้งต่อไปจัดในประเทศไทย
นายวศิน ธีรเวชญาน ประธานเจบีซีฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 เมษายน ถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา วันที่ 6-7 เมษายนว่า บรรยากาศการหารือในครั้งนี้เป็นไปอย่างฉันมิตร โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องแก้ไขปัญหาชายแดนโดยยึดหลักสันติวิธีและอาศัยเจบีซีเป็นกลไกในการแก้ปัญหาระหว่างกันในทุกกรณี ทั้งนี้ ประเด็นที่ยังคั่งค้างไม่สามารถตกลงกันได้ในการประชุมครั้งก่อนๆ สามารถตกลงกันได้เกือบทั้งหมดในครั้งนี้ ติดขัดเพียงชื่อเรียกตัวปราสาทพระวิหารซึ่งจะต้องหารือกันต่อไป
นายวศิน กล่าวว่า ได้มีการลงนามในบันทึกการประชุม 3 ฉบับ คือบันทึกการประชุมเจบีซีครั้งปัจจุบัน และบันทึกการประชุมเจบีซีสองครั้งก่อน อย่างไรก็ดีทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าเอกสารทั้งสามฉบับจะไม่มีผลจนกว่าจะมีการยืนยันอีกครั้งว่ามีการดำเนินการผ่านกฎหมายภายในของแต่ละประเทศครบถ้วนแล้ว โดยในฝ่ายไทยต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน ในส่วนของประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เดิมเกี่ยวกับชื่อเรียกชุดทหารติดตามสถานการณ์บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสะวารานั้นได้ข้อยุติแล้วว่าจะใช้ชื่อเรียกว่า ชุดทหารติดตามสถานการณ์ชั่วคราว นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบว่าชุดสำรวจร่วมอาจเริ่มการสำรวจพื้นที่ตอน 5 ในหลักเขตแดนที่ 1-23 ในเดือนพฤษภาคมนี้
นายวศิน กล่าวว่า ในส่วนของการจัดทำคำแนะนำสำหรับการสำรวจพื้นที่ตอนที่ 6 ซึ่งรวมถึงบริเวณปราสาทพระวิหาร ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ไปหารือในระดับเทคนิคต่อไป หากเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จก่อนปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และทันทีที่ได้ข้อยุติในเรื่องคำแนะนำให้เริ่มสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้มีการประชุมเจบีซีสมัยวิสามัญเพื่อหารือในประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่ตอนที่ 6 เมื่อเริ่มมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้การประชุมครั้งต่อไปจะมีขึ้นที่ประเทศไทยโดยจะมีการกำหนดวันและเวลาต่อไป