“ดีเจมะตูม” ยอมรับถูก สคบ. ติงใช้คำโฆษณาสินค้าเกินจริง มั่นใจไม่ได้สวม อย.

ทำเอาคนที่ทำธุรกิจได้นับผลกระทบกันเป็นแถว หลังจากมีข่าวเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นผลิตภัณฑ์ เมจิก สกิน แล้วพบว่าถูกสวม อย. และสินค้าไม่ได้รับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ถือดีเจหนุ่ม “มะตูม เตชินท์” ผู้ถือหุ้นอาหารเสริมรายหนึ่งที่ทำร่วมกับดาราในวงการหลายท่าน

ล่าสุด “ดีเจมะตูม” ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้ยอมรับว่าแอบหวั่นกับข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เพราะส่งผลกระทบต่อหลายๆ อย่าง แต่ตนมั่นใจว่าสินค้าที่ตนผลิตได้รับมาตรฐาน อย. และถูกต้องตามกฎหมายแน่นอน ซึ่งตนก็ได้เดินทางไปให้ทาง สคบ. ช่วยตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว พร้อมเผยต่อว่าหากจะมีที่ถูกติงคงเป็นเรื่องการทำอาร์ตเวิร์คโฆษณาที่ใช้คำเกินจริงมากกว่า

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นเรามีอะไรจะพูดไหม เพราะคนก็จับตามองผลิตภัณฑ์ของเราด้วย ?
“ใช่ครับ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนรายงานข่าวเพราะต้องจัดรายการก็ได้เห็น แต่ถ้าจะบอกทุกคนจริงๆ ตูมได้บอกไปตั้งแต่วันแรกที่เป็นข่าวแล้วครับ ไม่ได้อยากจะบอกแค่สังคมแต่อยากจะบอกทุกๆ คนที่เป็นทั้งตัวแทนจำหน่าย เป็นทั้งลูกค้าหรือไม่ใช่ลูกค้าก็ตาม คือบริษัทของตูมได้ก่อตั้งขึ้นมาเริ่มจาก 3 คน ซึ่งเราทำทุกอย่าง อย่างถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรที่กฎหมายไม่อนุญาตเลยครับ”

ข่าวที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์เราเยอะไหม ?
“เยอะครับ ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้กลายเป็นคนจะมองว่าสินค้าออนไลน์ทุกตัวมี อย. หรือเปล่า เชื่อถือได้ไหม แล้วดาราที่ออกตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ใช้หรือทานจริงหรือเปล่า หรือว่ารับแค่เงิน หลายคนก็สงสัยในข้อนี้ครับ มันเลยทำให้มีผลกระทบในระดับหนึ่ง”

ทำให้ยอดขายตกเลยไหม ?
“ไม่ทราบนะครับ อันนี้ต้องถามทางทีมบริหาร แต่ก็มีคอมเมนต์เชิงลบเยอะกว่าปกติครับ”

มีหวั่นๆ หรือรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหม ?
“จริงๆ ก็รู้สึกนะครับ เพราะเราตั้งใจมากจริงๆ เราไม่อยากให้ภาพธุรกิจของเราออกมาดูไม่ดีอยู่แล้ว อย่างที่บอกธุรกิจของตูม ตูมร่วมกับหลายๆ คนในวงการบันเทิงทั้งนั้นเลย และแต่ละคนก็มีชื่อเสียงด้วย ตูมก็กลัวว่าชื่อเขาจะมาเสียตรงนี้ ต่อให้เราไม่ได้ทำอะไรผิดก็เถอะ เวลามีคนมาคอมเมนต์เชิงลบ เราก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วครับ”

คนจะเข้าใจว่าสมัยนี้จะเปลี่ยนจากการให้ดาราถือผลิตภัณฑ์มาเป็นบอสแทน ?
“ใช่ครับ หลายคนจะมองว่าคำว่าบอสนี่จ้างมาหรือเปล่า แต้วจ้างมาหรือเปล่า ปูจ้างมาหรือเปล่า ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับยอดขาย ยิ่งโดยเฉพาะอย่างปูคือเขาจะได้เปอร์เซ็นต์เต็มเลย เราหารเท่ากันเลย เขาเป็นเหมือนผู้บริหารสินค้าที่เราผลิตออกมาเลยครับ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช้คำนี้ก็จะใช้คำไหนแล้ว เนื่องจากเขาเป็นมากกว่าพรีเซ็นเตอร์ครับ”

เรายืนยันได้ใช่ไหมว่าสินค้าเรามีคุณภาพและได้รับมาตรฐาน ?
“ใช่ครับ ตูมยืนยันมากๆ เพราะโรงงานเราก็ดูแลกันอย่างดี อย่างตัวของแต้วเรานำเข้าจากเกาหลีใต้จริงๆ มะตูมบินไปดูจริงๆ และโรงงานของเราก็ติดท็อป 3 ของประเทศ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมันตรวจสอบได้ และก่อนที่จะมียอดขายมหาศาลจนเป็นที่รู้จัก ณ วันนี้ มันต้องมีการตรวจสอบมาแล้วระดับหนึ่งด้วย ไม่ใช่อยู่ๆ จะมาดังเลยวันเดียว ตูมพูดกับทุกคนตลอดเวลานะครับว่า ถ้ามีอะไรสอบถามได้ และตั้งแต่ที่มีกระแสข่าวแบบนี้ออกมา มะตูมก็ไม่สบายใจ จึงตัดสินใจไปที่ สคบ. ด้วยตัวเองเลย ไปถามว่าธุรกิจที่ตูมทำกับทุกๆ คนในวันนี้มันผิดอะไรหรือเปล่า เราก็เล่าให้ฟัง จริงๆ สคบ. ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไรนะครับ แต่แค่เขาบอกว่าถ้าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่มะตูมเล่า ไม่ผิดกฎหมายเด็ดขาด ซึ่งสบายใจ”

คือเราอยากให้ตัวแทนทุกคนมั่นใจว่า ไม่มีอะไรจะต้องกังวลนะครับ เพราะตอนนี้หลายคนกังวลมากๆ ว่าการสวม อย. เกิดขึ้นได้ง่ายเลยเหรอในประเทศนี้ ซึ่งตูมก็ไปถามเขาว่าทำแบบนี้มาผิดไหม ทาง สคบ. ก็บอกว่าต้องทำหนังสือยื่นเรื่องมาให้เขาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที แต่ถ้าตรงอย่างที่ตูมเล่าไม่ผิด ซึ่งมะตูมไม่ได้โกหก สคบ. อยู่แล้ว

เขาได้แนะนำอะไรเพิ่มเติมไหม อย่างเช่นเรื่องการรีวิวผลิตภัณฑ์ ?
“ถ้าจะโดนตำหนิก็คงเป็นในเรื่องของการโฆษณาครับ ในเรื่องของอาร์ตเวิร์คที่ดูจะเป็นการโฆษณาเกินจริง ทำให้ไม่ผ่านหลักตาม อย. กำหนดไว้ ซึ่งจริงๆ มะตูมขอชี้แจงตรงนี้แทนบริษัทว่า อาร์ตเวิร์คของบริษัทเราผ่าน อย. หมด เราไม่ได้ใช้คำพูดที่เกินจริงหรือเวอร์เกินไป แต่มันอาจจะเป็นคำพูดที่ไปดัดแปลงต่อจากตัวแทนจำหน่ายหรือตัวแทนใหม่ๆ ที่ยังอาจจะไม่รู้กฎของบริษัท เพราะตอนนี้เรามีตัวแทนจำหน่ายเฉียดแสนคนครับ มันเยอะมากจริงๆ อาจจะเหนือความควบคุม ถ้าจะผิดก็คงผิดในส่วนนี้ และเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแน่นอน ยังบอกกับทุกๆ คนว่าเราต้องรัดกุมกันมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เสียมายังตัวบอสคนอื่นๆ ด้วยครับ”

กับดาราคนอื่นๆ อย่าง “ปู ไปรยา” หรือ “แต้ว ณฐพร” มีฟีดแบคเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง ?
“เขาก็เจอพี่ๆ กันมาหมดแล้วเนอะ แล้วเขาก็ตอบกันแล้ว จริงๆ ตูมรู้สึกเกรงใจมาก เพราะตูมนี่แหละที่ทำให้แต้วได้มาทำ เพราะตูมนี่แหละที่ทำให้ปูได้มารู้จักกับพี่ต้นหอม เพราะฉะนั้นต้องขอโทษทั้ง แต้ว ปู และพี่ต้นหอมด้วยนะครับ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงและอยู่ระดับตัวท็อปของประเทศ ตูมก็รู้สึกไม่สบายใจที่เวลามันมีข่าวอะไรไม่ดีไปถึงเขา ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรผิดแต่มันเป็นข่าวไม่ดี เราก็รู้สึกผิดอยู่แล้วครับ”

ถามถึงคลิปที่บอกว่าเราไม่รับรีวิวสินค้า แต่ก็เหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง ?
“คลิปที่ตอนนี้แชร์เยอะมากในโซเชียลนะครับ เป็นคลิปที่มะตูมอัดไว้เกือบ 5 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ยุคโซเชียลแคม ตอนนั้นมะตูมยังไม่ได้เข้าวงการบันเทิงครับ ยอมรับว่าเป็นความคิด ณ เวลานั้นจริงๆ และเราก็ใช้คำพูดไม่สุภาพ ขอโทษมากๆ ครับ มันหยาบมากจริงๆ ในคลิปนั้น ส่วนที่หลายคนมองว่ากลืนน้ำลายหรือเปล่า ถ้าลองไปย้อนดูจริงๆ ตูมบอกว่าตูมไม่อยากรับรีวิวมั่วซั่ว ในความเป็นจริงแล้วถ้าย้อนดูตั้งแต่ตูมเข้าวงการบันเทิงมา ตูมก็ไม่ได้รับรีวิวมั่วซั่วจริงๆ นะ คือตูมก็รับอันที่รู้สึกว่าเป็นของเพื่อน ของพี่ ที่น่าเชื่อถือ หรือได้ใช้จริงๆ หรืออันไหนที่เราเป็นเจ้าของ เราก็รีวิวครับ ถ้าตามตูมจริงๆ จะเห็นว่าตูมไม่ได้รับอะไรที่เกิดเลยขนาดนั้น”

นอยด์ไหม ?
“มันทำให้เรามีสติมากขึ้นมากกว่า ถามว่านอยด์ไหม ไม่นอยด์หรอก เพราะธุรกิจที่เราทำมันขาวสะอาด เราเป็นสาธารณะอยู่แล้วทั้งอาชีพการงานและธุรกิจ เราไม่นอยด์หรอกครับ เพียงแต่ต้องระวังตัวมากขึ้นนะ จะพูด จะพิมพ์ หรือจะชี้แจงอะไรออกสื่อ มันอาจจะมีผลกระทบกับเรา บริษัทเรา หรือหุ้นส่วนอื่นๆ ครับ”

เวลาที่คนให้เรารีวิวสินค้า มีการได้เช็ค หรือตรวจ อย. ก่อนไหม ?
“จริงๆ ต้องพูดตรงๆ แบบไม่แอ๊บเลยนะครับว่า ถ้าเราเห็นเลข อย. น้อยคนนะครับที่จะเช็คว่ามันของจริงหรือของปลอม ขนาดเห็นเป็นเลข อย. ยังสวมกันได้ แล้วเราเป็นคนในวงการเราก็เลยไม่รู้ คือมันมีเส้นคาบเกี่ยวระหว่าง รีวิวสินค้า กับ โปรโมทสินค้า บางคนโปรโมทโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้จริงก็ได้ แต่โปรโมทเป็นพีอาร์สินค้า ส่วนคำว่ารีวิวคือต้องลองใช้แล้ว แล้วมาบอกว่ามันดี ซึ่งก็อยู่ที่แคปชั่นมากกว่า ส่วนตัวตูมจะเช็คแล้วมองว่าสินค้านี้กุ๊กกู๊หรือเปล่า น่าเชื่อถือหรือเปล่า”

สินค้าบางตัวคนอาจจะเชื่อว่าเราใช้จริง หากเกิดเหตุเราจะรับผิดชอบตรงนี้ยังไงเพราะเราก็เป็นบุคคลสาธารณะ ?
“ถ้าพูดในส่วนของสินค้าของตูมก่อน ตูมใช้ ทาน และได้ทดลองของตูมจริงถึงนำออกมาขาย เพราะถ้าไม่ดีก็ไม่กล้าเอาออก เดี๋ยวจะโดนดุ โดนด่า เพราะฉะนั้นในส่วนตรงนี้เรามีความจริงใจต่อคนฟอลโล่เราอยู่แล้ว เราใช้จริงๆ อันนี้เราไม่ได้โกหก ตูมค่อนข้างมั่นใจในคำพูดตูมอยู่แล้วครับ”

ความเป็นบอสของ แต้ว และ ปู จะอยู่ตลอดเลยไหม หรือว่าเป็นคล้ายๆ กับพรีเซ็นเตอร์ ?
“แต้วอยู่ในส่วนของ Eighteen ส่วนปูอยู่ในส่วนของ Praya By L.B เราแบ่งสัดส่วนกันอย่างชัดเจน แต่ถ้าพูดถึงในบริษัทจะมี คุณกอล์ฟ อัครนันท์ มีดีเจต้นหอม และดีเจมะตูมครับ”

พอเกิดข่าวแบบนี้ขึ้น เราสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกทีมยังไง ?
“ลูกทีมหลายคนเข้าใจครับว่าพอบริษัทดังหรือข่าวเสียแบบนี้ออกมา มันต้องมีกระทบต่อบริษัทหลายๆ บริษัทที่ขายของออนไลน์ ซึ่งเราก็มีการบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ ตูมจะทำทุกอย่างให้ดี ให้ชัดเจน และให้โปร่งใสที่สุด เหมือนวันนี้ที่ตูมมาบอกว่า ไม่ต้องห่วงครับ บริษัทตูมและสินค้าตูมทุกตัว ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายแน่นอนครับ”

มีใครยกเลิกการขายเข้ามาไหม ?
“ณ เวลานี้ไม่มีครับ อาจจะมีบ้างหรือเปล่ายังไม่ได้เช็ค เพราะเรื่องเพิ่งมาแดงเมื่อไม่กี่วันนี้เอง อาจจะต้องย้อนดู แต่ตัวแทนหลายคนยังส่งข้อความมาให้กำลังใจเราอยู่ ต้องขอบคุณมากครับ”

หวั่นไหมเพราะข่าวนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทและสินค้าเรา ?
“แน่นอนครับ ต้องบอกก่อนว่าต้นทุนตูมไม่ได้มาจากการสอบหรือมาจากบนดิน ตูมมาจากการเป็นดีเจใต้ดินในแคมฟรอกด้วยซ้ำ วันนี้ตูมมาไกลมากแล้วกับการได้มาเป็นนักธุรกิจ เพราะฉะนั้นตูมแคร์เรื่องภาพลักษณ์ ถึงแม้ภาพลักษณ์ตูมอาจจะไม่ค่อยดี แต่ตูมแคร์ภาพลักษณ์บริษัทและคนอื่นๆ ที่เขาเห็นและเอ็นดูตูม มาร่วมหุ้นทำธุรกิจกับตูม เพราะฉะนั้นภาพลักษณ์ตูมเสียไม่เป็นไร แต่ตูมขอปกป้องภาพลักษณ์คนอื่นให้เต็มที่ที่สุดอยู่แล้วครับ”

จะมีการปรับกลยุทธ์อะไรไหม เพราะตอนนี้หลายคนเริ่มไม่มั่นใจในตัวดาราที่รีวิวสินค้าแล้ว ?
“อันนี้อาจจะต้องมีการคุยกันภายในครับ ยังตอบไม่ได้ ไม่รู้จะเป็นยังไง”

“เชน ธนา” ได้ออกมาโพสต์ว่าให้ระวังเรื่องธุรกิจแนวแชร์ลูกโซ่ ?
“อ่อ ก็ดีครับ (ยิ้ม)”

แต่คนก็มองว่าธุรกิจเราออกแนวการแชร์ลูกโซ่เหมือนกัน ?
“เราไปคุยกับทาง สคบ. แล้ว ในเรื่องของระบบธุรกิจเรา จริงๆ มันไม่ได้เข้าข่ายการแชร์ลูกโซ่นะครับ เพราะเราไม่ได้ขายตรง แต่มันเป็นการซื้อมา ขายไป เราชัดเจนในตรงนี้อยู่แล้ว”