ไม่เชื่อพ่อตายเพราะ “ลื่นล้ม” สภาพศพเหมือนถูกซ้อม-ลูกร้องกองปราบ ช่วยคลี่คลาย
จากกรณีการเสียชีวิตของนายแบน อย่างมีเงื่อนงำ ทั้งที่หลักฐานแวดล้อมค่อนข้างชัดเจน และบ่งชี้ว่าเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม แต่ตำรวจกลับสรุปว่าเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลื่นล้ม
นางจุไรรัตน์ สระทองคำ ลูกสาวของนายแบน อายุ 75 ปี ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ทนายความ เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบ ให้ช่วยคลี่คลายคดีและจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 61 ที่ผ่านมา หลังเพื่อนบ้านพบศพของนายแบน เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพัก สภาพศพแข็งทื่อ มีเลือดกระจายอยู่รอบตัว ส่วนที่ท้ายทอยมีบาดแผลขนาดใหญ่เหมือนถูกของแข็งทุบ รวมถึงมีรอยแผลและรอยช้ำที่แขน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการป้องกันตัวเอง
ซึ่งตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานการเสียชีวิตของ นายแบนว่าเกิดจากอุบัติเหตุ การลื่นล้ม แต่นางจุไรรัตน์ ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ไม่เชื่อ เนื่องจากสภาพศพของพ่อมีรอยฟกช้ำ และร่องรอยการต่อสู้ รวมถึงสถานที่เกิดเหตุมีคราบเลือดเป็นรอยเท้าคนเดินอยู่ในบ้าน
ที่สำคัญบริเวณผนังห้องนอน ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ สวิตซ์ไฟ และประตูเข้า-ออกบ้าน ต่างมีรอยเลือดติดอยู่ ขณะที่โทรศัพท์มือถือของนายแบน ถูกลบข้อมูลและประวัติการใช้งานต่างๆ ทิ้งไปหมด ก่อนนำไปซ่อนไว้
นางจุไรรัตน์ บอกอีกว่า ก่อนหน้าที่พ่อจะเสียชีวิต ได้ไปนั่งดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อนสนิท แต่ดื่มไม่เยอะ ซึ่งพ่อไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครและเป็นคนอัธยาศัยดี แต่ครอบครัวเริ่มสงสัยพฤติกรรมการใช้เงินของพ่อที่เปลี่ยนไป เพราะระยะหลัง ตั้งแต่แม่เสียชีวิต พ่อก็เริ่มใช้เงินเยอะขึ้น ให้ไปเท่าไรก็หมด ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ลูกๆ ให้เงินไว้จะปฏิเสธว่าไม่เอา
ขณะนี้ เหตุการณ์ก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า ครอบครัวจึงเข้าร้องเรียนอีกครั้ง จนเรื่องถึงตำรวจภูธรภาค7 และเริ่มสืบพยานใหม่ เบื้องต้นตำรวจรับเป็นคดีฆาตกรรม และอยู่ในระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ด้านนายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ทนายความ กล่าวว่า การดำเนินการทางคดีหลังจากนี้ จะให้พนักงานสอบสวนเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งรอยเท้าในที่เกิดเหตุ และโทรศัพท์มือถือที่เก็บไว้นานกว่า 3 เดือนแล้ว แต่กลับไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ข้อมูลที่จะใช้ประโยชน์ได้หายไป และตำรวจกลับไปให้น้ำหนักที่การลื่นล้มจนเสียชีวิต เพื่อปิดคดี
ด้านพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้รับเรื่องไว้และทำการสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป