“แต้ว ณฐพร” ตอบละเอียด ถูกโยงดราม่า อาหารเสริมบอสดารา ได้เงินแล้วเทลูกทีม

ดูเหมือนว่าจะยิ่งทวีความร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สำหรับดราม่า “อาหารเสริม” ในโลกออนไลน์ ที่กำลังตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงอยู่ในขณะนี้ นับตั้งแต่สินค้าในเครือบริษัท “เมจิกสกิน” ถูกเปิดโปงถึงขั้นตอนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน จนเป็นเหตุให้แบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดโดนจับตามองตามไปด้วย

เช่นเดียวกันกับ แบรนด์อาหารเสริมที่อยู่ภายใต้การดูแลของนางเอกสาว “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ดังที่ดูเหมือนจะโดนกระแสโจมตีหนักไม่แพ้กัน เนื่องจากมีชาวเน็ตออกมาเปิดประเด็นแฉแหลกโดยมีการให้ข้อมูลในทำนองว่า อาหารเสริมแบรนด์ดังจ้างดารามาเป็นบอส พอได้เงินแล้วเทลูกทีม อีกทั้งยังจ่ายของให้กับตัวแทนไม่ครบตามจำนวนที่สั่งไป จนทำให้หลายคนโยงไปถึงสินค้าที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่

ซึ่งล่าสุดขณะที่นางเอกสาวชื่อดัง “แต้ว ณฐพร” เดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงละครเรื่องใหม่ “รักจังเอย” ของค่ายมหานิยมชมชอบ เจ้าตัวก็ได้ออกมาชี้แจงถึงดราม่าที่เกิดขึ้น รวมถึงฝากบอกไปยังผู้ที่ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยว่า ถ้าหากมีหลักฐานก็น่าจะออกมาชี้แจงกัน เพราะนอกจากจะได้ปรับปรุงข้อเสียแล้ว ยังจะได้ปรับปรุงไปธุรกิจให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย

“แต้วมองว่าน่าจะเป็นกระแสต่อมาจากแบรนด์ที่กำลังมีประเด็น ก็เลยทำให้แบรนด์ออนไลน์ทั้งหลายได้รับผลกระทบตามกันไปหมด รวมถึงแบรนด์เราด้วย ซึ่งแต้วมองว่ามันเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ และก็ดีด้วยซ้ำที่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานต่างๆ หรือกลุ่มผู้บริโภคออกมาตั้งคำถาม เพราะนั่นก็ช่วยให้เราได้มีโอกาสออกมาชี้แจงทุกอย่างให้เคลียร์ แต่ถามว่าแต้วหนักใจกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เอ่อ…แต้วไม่ได้หนักใจนะคะ เพราะการที่เรามาทำตรงนี้เราก็ได้ตรวจสอบความมั่นใจแล้ว ทั้งเรื่องของตัวผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัย และรูปแบบการทำธุรกิจ ดังนั้นแต้วเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรที่น่ากังวลค่ะ”

“ส่วนกรณีที่มีคนออกมาแฉว่า มีธุรกิจหนึ่งที่บอสเป็นดาราแล้วเทลูกทีม อันนี้คือเท่าที่แต้วได้ดูข่าวมันก็เหมือนจะมีรูปภาพและคำพูดที่ชี้นำมาทางนี้ แต่ด้วยการปฏิบัติของเราที่เราทราบมาตลอด มันก็ไม่ได้การทำอย่างนั้นแน่นอน เพราะถ้าพูดให้เห็นกันง่ายๆ เราก็ได้มีการวางแผน เราทำการตลาดหลายๆ รูปแบบ ซึ่งเราไม่ได้ทิ้งแน่นอน และเราเองก็ยังมองว่ามันเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทิ้งทำไม อีกอย่างตัวแต้วเองก็อย่างที่บอกไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นธุรกิจในอนาคตจริงๆ สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ และในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้นแบบออฟฟิเชียลมาก่อน ดังนั้นมันก็จำเป็นจะต้องมีการตั้งคำถามและทำทุกอย่างให้ถูกต้องค่ะ”

ตัวแทนได้เข้ามาถามเราโดยตรงบ้างไหมตั้งแต่มีกระแสข่าวออกมา ?
“ไม่นะคะ เพราะเขาก็อยู่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับบริษัท และเขาเองก็รู้ว่าอะไรคือความจริง อีกอย่างที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครมาเคลมเพื่อที่จะเรียกร้องอะไรเลย ทุกอย่างยังคงเดินหน้าไปตามปกติ ส่วนเรื่องดิสเครดิต เอ่อ…แต้วมองว่าทุกธุรกิจมันมีการแข่งขั้นอยู่แล้ว ดังนั้นมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องเรียนรู้และแก้ไขเพื่อทำให้มันถูกต้องก็เท่านั้นเอง ถามว่าการที่แต้วลงมาทำธุรกิจนี้มันเป็นการลดเกรดหรือทำให้ตัวเองเสี่ยงไหม คือมันก็เป็นเหมือนการตัดสินใจของเราด้วยเนอะ ฉะนั้นเราก็ต้องแยกให้ชัดเจนว่าหน้าที่นักแสดงก็คือนักแสดง ส่วนธุรกิจก็คือธุรกิจที่เราเลือกไปทำ อย่าเอามาเกี่ยวข้องกันเลยค่ะ”

“ทางมะตูมที่เขาออกมาขอโทษ คือเขาก็ห่วงใยเราในฐานะพาร์ตเนอร์คนหนึ่ง เพราะเขาเองก็ชวนเรามาทำด้วยความหวังดีและอยากจะให้ทุกอย่างออกมาในแง่ดี ไม่ว่าจะเป็นในทางชื่อเสียงหรือทางธุรกิจ คือถ้าหากธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จมันก็เป็นผลดีด้วยกันทั้งหมด และตัวแต้วเองก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่เขาออกมาขอโทษ แต่ว่าจริงๆ แต้วมองว่าไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะในเมื่อเราเป็นพาร์ตเนอร์กัน เราก็ต้องจับมือกันไปตลอด หากมีปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไขค่ะ”

ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เรายังอยากจะทำธุรกิจนี้ไหม ?
“ทำนะคะ เพราะมันก็ยังสามารถไปได้ด้วยดี อีกอย่างมันคงไม่มีธุรกิจไหนหรอกที่ราบรื่นและโรยด้วยกลีบกุหลาบไปตลอด ดังนั้นพอมันมีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ต้องช่วยกันแก้ไข รวมถึงทำให้มันถูกต้อง เพราะเราไม่ได้คิดถึงแค่กำไรเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค และกฏหมายด้วย ดังนั้นถ้าหากเราทำอะไรที่มันไม่ถูกต้องเราก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราก็ต้องดูทิศทางลมด้วย ถ้าหากกระแสมันโหมหนักมากเราจะไปต้านก็คงยาก การทำธุรกิจเราก็ต้องรู้จักถอยรู้จักก้าวด้วยเหมือนกัน”

ทางบริษัทมีแพลนยังไงบ้างกับการดำเนินการคนที่ออกมาดิสเครดิตในครั้งนี้ ?
“มันก็มีวิธีการจัดการอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการเตือนหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากยังไม่จบจริงๆ ก็อาจจะมีในส่วนของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถ้าถามว่ากระแสที่ออกมามันส่งผลถึงยอดขายหรือตัวแทนไหม เอ่อ…เท่าที่ทราบก็ไม่นะคะ เพราะธุรกิจตัวนี้ของแต้วดำเนินการมาแล้ว 5 เดือน ซึ่งเรียกว่าเป็นเวลาที่น้อยมากกับการที่เราประสบความสำเร็จในระดับนี้ ดังนั้นแต้วก็เลยคิดว่ามันยังสามารถโตไปได้ ส่วนในเรื่องของตัวแทน คือพวกเขาก็เกาะกลุ่มกันมาตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ตัวก่อนๆ แล้ว ฉะนั้นทุกคนก็ค่อนข้างเหนียวแน่นพอสมควรค่ะ อีกอย่างสิ่งที่เขาโพสต์มามันก็เป็นเหมือนแค่คำพูด ถ้าหากมีข้อติหรืออะไรที่อยากเคลมจริงๆ เราก็ยินดี เพราะมันไม่ใช่แค่เป็นข้อเสีย แต่มันยังช่วยให้เราได้ปรับปรุงไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ถ้าหากมีหลักฐานก็น่าจะออกมาชี้แจงกันค่ะ”

ครอบครัวเราคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงไหมเพราะกระแสอาหารเสริมตอนนี้ค่อนข้างรุนแรง ?
“ทุกการตัดสินใจของแต้วก็จะมาจากครอบครัวอยู่แล้วนะคะ เพราะเราเองก็ยังใหม่อยู่เหมือนกันการทำธุรกิจ ยิ่งเป็นธุรกิจนี้ด้วย แต่ถามว่ามีการเตือนไหม ก็ไม่ได้มีการเตือนอะไร เนื่องจากว่าทุก ๆ ก้าวของเรา เราปรึกษากันตลอดว่าเราควรไปในทิศทางไหน ดังนั้นแต้วจึงมั่นใจว่าแต้วเองก็น่าจะมีที่ปรึกษาที่ดีพอค่ะ