พัลลภชี้เสื้อแดงไร้ทิศทางผลออกมาตามคาด

พัลลภชี้เสื้อแดงไร้ทิศทางผลออกมาตามคาด

พัลลภชี้เสื้อแดงไร้ทิศทางผลออกมาตามคาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้นำศาสนาชม อภิสิทธิ์ แก้ปัญหาเสื้อแดงได้ถูกต้อง จตุพร ส่งทนายขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.รอมอบตัวหลังปิดสมัยประชุม ทหารพร้อมตรวจสอบชายแดนสกัด จักรภพ-จตุพร หลบหนี วิทยชุมชนเชียงใหม่คนเสื้อแดงออกอากาศปลุกระดมปชช.

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) กล่าวว่า ตนปฏิเสธที่จะร่วมเคลื่อนไหวกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่ยอมรับว่า เคยพูดคุยกับคนในนปช.และได้สอบถามถึงแนวทางการต่อสู้ จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าการเคลื่อนไหวไม่มีแผน เพราะเป็นการต่อสู้ไปวันๆ เพื่อให้สถานการณ์พาไป ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มีทั้งทิศทาง ภายใต้การควบคุมของแกนนำ 3 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ตนจึงไม่เข้าร่วมด้วย เพราะเห็นถึงความไม่ถูกต้องและคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วถึงผลที่จะตามมา

พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงการก่อเหตุรุนแรงของนปช.ว่า ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวต้องพยายามดึงมวลชนมาเป็นพวก แต่กลับไปสร้างปัญหาจนเกิดการต่อต้าน ซึ่งแตกต่างจากการประท้วงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้ร่วมมือกันต่อต้านกองทัพ

ผู้นำศาสนาชม"อภิสิทธิ์"แก้ปัญหาเสื้อแดงได้ถูกต้อง

นายนิมุ มะกาเจ อดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ยะลา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ เกิดขึ้น และที่สุดแล้วก็ลุล่วงมาด้วยดี ต้องชื่นชมรัฐบาลที่สามารถใช้กระบวนการและขั้นตอนทั้งหลาย รวมถึงอำนาจที่ไปจัดการ แต่สิ่งที่สำคัญหลังจากนี้ก็คงจะเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ

"หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง ผมเองอยากให้รัฐบาลเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะโอกาสของประเทศไทยยังมีมากกว่าประเทศอื่นในการพัฒนาด้านต่างๆ โดยให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ที่ผ่านมาถึงแม้มีความร่วมมือจากภาคประชาชนนั้น ก็ยังเป็นการให้บทบาทอำนาจที่ไม่แท้จริง ส่วนปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น คือการศึกษา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ถ้าคนขาดความรู้ขาดปัจจัยที่เกี่ยวกับการศึกษาก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ " นายนิมุ ระบุ

"เทพไท"อัด"ทักษิณ"บิดเบือนข้อมูล

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากเหตุการณ์ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้มีประชาชนโทรศัพท์มาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวนมาก วันนี้จึงชัดเจนแล้วว่า แนวทางของนายกฯ ที่ใช้แก้ไขวิกฤติชาติ เป็นแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งพรรคก็ขอขอบคุณทุกคนที่ห่วงใย และให้กำลังใจรวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศที่เสนอข่าวอย่างตรงไปตรง มา เพื่อให้ทุกอย่างตรวจสอบได้ แต่ก็ยังมีความพยามของบุคคลบางกลุ่มที่พยายามบิดเปื้อนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ในลักษณะสร้างข่าวว่า ทหารยิงประชาชนเสียชีวิตจำนวน 5 ศพ

"จตุพร"ส่งทนายขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.รอมอบตัวหลังปิดสมัยประชุม

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ได้มอบให้นายองอาจ คำทอง ทนายความส่วนตัว เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายจตุพร ขอใช้เอกสิทธิ์ในการเป็น ส.ส.สมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากปิดสมัยประชุม จะเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายจตุพร กล่าวฝากบอกว่า ไม่ได้หนีออกนอกประเทศ ยังอยู่ในประเทศไทย และสบายดีแต่ขอปกปิดที่อยู่ เนื่องจากเพื่อความปลอดภัย

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า นายจตุพรมีสิทธิ์ใช้เอกสิทธิ์ เพื่อที่ตำรวจจะไม่ติดตามจับกุม เพราะยังอยู่ในสมัยประชุม ส่วนข้อหาได้แจ้งข้อหาเดียวกันหมดกับทั้ง 13 คน

ทหารพร้อมตรวจสอบชายแดนสกัด"จักรภพ-จตุพร"หลบหนี

พ.ท.นิรันดร์ ทิพย์กาญจนกุล หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังผาเมือง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนในภาคเหนือ ระบุว่ายังไม่มีคำสั่งจากกองทัพภาคที่ 3 เกี่ยวกับการตรวจสอบช่องทางชายแดนในกรณีการหลบหนีหมายจับของนายจักรภพ เพ็ญแข และนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบพื้นที่ชายแดนซึ่งเป็นมาตรการปกติ

อย่างไรก็ดีหากมีคำสั่งจากกองทัพภาคที่ 3 หรือ ได้รับการร้องขอจากตำรวจ ฝ่ายทหารก็พร้อมที่จะประสานไปยังหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนทุกหน่วยทันที

วิทยชุมชนเชียงใหม่คนเสื้อแดงออกอากาศปลุกระดมปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การเคลื่อนไหว ของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ที่หน้าอาคารอำนวยการศาลากลางจ.เชียงใหม่ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงมา เปิดเวทีปราศรัยและชุมนุมกันตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฎว่า หลังจากกลุ่ม นปช.ที่ชุมนุมอยู่หน้าเนียบรัฐบาลได้ลสายการชุมนุมไปเมื่อวันที่ 14 เม.ย. และวันเดียวกันฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ได้เข้าตรวจค้นภายในสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าศาลากลางจังหวัด พบหลักฐานในการก่อเหตุจำนวนมาก

เช้าวันนี้ (15 เม.ย.) กลุ่มคนเสื้อแดงได้ รือเวทีปราศรัยและเก็บข้าวของออกไปจากหน้าศาลากลางฯแล้ว โดยมีพนักงานทำความสะอาดจากเทศบาลนครเชียงใหม่ มาเก็บกวาดสถานที่ มีเจ้าหน้าที่มาเก็บเต็นท์เก้าอี้ขึ้นรถ 6 ล้อไปเก็บ ส่วนเจ้าหน้าที่อส.ที่ถูกระดมมาจากอำเภอต่างๆก็ทยอยเก็บสัมภาระเพื่อเดิน ทางกลับ

ทั้งนี้แม้มีการเก็บกวาดและรื้อเวทีไปแล้ว แต่ยังมีบอร์ดของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้ง ทิ้งไว้ใกล้ศาลาหน้าอาคารอำนวยการ บอร์ดดังกล่าวมีภาพถ่ายทหารสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพฯติดอยู่ พร้อมกระดาษเขียนข้อความด้วยหมึกสีแดงโจมตีการสลายการชุมนุมของรัฐบาลและ ทหาร รวมทั้งมีข้อความใต้ภาพถ่ายว่าผู้ใดสนใจสามารถติดต่อขอวีซีดีเหตุสลายการ ชุมนุมที่กรุงเทพฯได้จาก ดีเจ.นพ สถานีวิทยุชุมชน เอฟเอ็ม 105.5 เมกะเฮิร์ต

อย่างไรก็ตามในส่วนของสถานีวิทยุชุมชน เอฟเอ็ม 92.5 เมกะเฮิร์ต ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยัง ออกอากาศในลักษณะปลุกระดมคน และให้ดีเจที่มาจัดรายการเล่าสถานการณ์เหตุทหารสลายการชุมนุมที่หน้าทำเนียบ และกรุงเทพฯในช่วงที่ผ่านมาอยู่ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงชาว เชียงใหม่อย่ายอมแพ้และออกมาเคลื่อนไหวร่วมกันอีกครั้ง สำหรับหน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สถานที่ตั้งของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ยังคงมีกลุ่มเสื้อแดงมารวมตัวกันแต่มีจำนวนไม่มากนัก

นายไพโรจน์ แสงภูวงษ์ รองผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในจ.เชียงใหม่มีกลุ่มเสื้อแดง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสมัชชาชาวเหนือเพื่อประชาธิปไตยที่หน้าศาลากลางฯ ได้ยอมสลายการชุมนุมไปแล้ว ส่วนกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประกาศว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปแต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่างไรก็ดีพบว่ากลุ่มเสื้อแดงยัง มีการปลุกระดมผ่านวิทยุชุมชนอยู่ ผู้ว่าราชการฯได้มอบนโยบายว่า ต่อไปนี้หากยังมีการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการและนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายทันที ขณะที่วิทยุชุมชนถ้าพบว่ายังปลุกระดมก็จะเข้าไปดำเนินการเช่นกัน

เอแบคโพลล์ชี้ปชช.รักสงบมากขึ้นหลังม็อบแดงป่วน

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ "เอแบคเรียลไทม์โพลล์ (ABAC Real-Time Survey)" ที่เป็นการสำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติก่อน จากนั้นได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำการ สัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไวภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นประมวลผลด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจเรื่อง สำรวจความดีงามของสัมคมไทยที่ยังเหลืออยู่ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ จันทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชลบุรี เลย สกลนคร บุรีรัมย์ ขอนแก่น นครราชสีมา ตรัง และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 1,478 ครัวเรือน ในวันที่ 14-15 เมษายน 2552 พบว่า

เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกและการปฏิบัติของประชาชนในสถานการณ์การเมือง ปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 55.5 ระบุรู้สึกรักความสงบมากขึ้น ร้อยละ 34.2 ระบุเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 9.3 ระบุลดลง และร้อยละ 1.0 ระบุไม่มีเหลือเลย ตัวอย่างร้อยละ 52.1 ระบุรู้สึกรักและหวงแหนประเพณีไทยดั้งเดิมมากขึ้น ร้อยละ 44.0 ระบุเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 3.7 ระบุลดลง และร้อยละ 0.2 ระบุไม่มีเหลือเลย ร้อยละ 48.2 ระบุรักความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ร้อยละ 42.4 ระบุเหมือนเดิม ร้อยละ 8.0 ระบุลดลง และร้อยละ 1.4 ระบุไม่มีเหลือเลย

ร้อยละ 50.9 ระบุพร้อมจะให้อภัยผู้อื่นเหมือนเดิม ร้อยละ 43.3 ระบุมากขึ้น ร้อยละ 4.6 ระบุลดลง และร้อยละ 1.2 ระบุไม่มีเหลือเลย ร้อยละ 43.4 ระบุรู้สึกภูมิใจในความเป็นไทยมากขึ้น ร้อยละ 42.7 ระบุมากขึ้น ร้อยละ 12.7 ระบุลดลง และร้อยละ 1.2 ระบุไม่มีเหลือเลย ร้อยละ 56.4 ระบุรักและผูกพันกับคนในครอบครัวเหมือนเดิม ร้อยละ 40.9 ระบุมากขึ้น ร้อยละ 2.0 ระบุลดลง และร้อยละ 0.7 ระบุไม่มีเหลือเลย ร้อยละ 68.8 ระบุรู้สึกรักและผูกพันกับเพื่อนบ้านในชุมชนที่พักอาศัยเหมือนเดิม ร้อยละ 27.5 ระบุมากขึ้น ร้อยละ 3.4 ระบุลดลง และร้อยละ 0.3 ระบุไม่มีเหลือเลย

ถึงแม้สถานการณ์จะสงบลง ประชาชนก็ยังตระหนักถึงการเลือกซื้อเสื้อผ้าหรือใส่เสื้อผ้าออกนอกบ้าน โดยสีที่ตระหนักในการเลือกซื้อหรือใส่ออกนอกบ้าน ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.1 ระบุเสื้อผ้าสีแดง รองลงมาหรือร้อยละ 40.6 ระบุเสื้อผ้าสีเหลือง ร้อยละ 9.2 ระบุเสื้อผ้าสีน้ำเงิน และร้อยละ 38.4 ระบุว่าไม่ได้คิดหนักในการเลือกซื้อหรือสวมใส่เสื้อผ้าสีไหน

และเมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่ วุ่นวายพบว่าตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.9 ระบุว่าให้ยึดกฎหมายเป็นหลัก ใครทำผิดว่าไปตามผิด รองลงมาหรือร้อยละ 80.0 ระบุให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ร้อยละ 75.4 ระบุใช้ความรักความเอื้ออาทรต่อคนไทยด้วยกัน ร้อยละ 65.6 ระบุให้โอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วมปกครอง ในขณะที่ร้อยละ 29.4 ระบุให้ยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่

อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามว่าถ้าวิงวอนอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ใน ช่วงสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 74.2 ระบุขอให้บ้านเมืองสงบสุขโดยเร็ว ร้อยละ 18.3 ระบุขอให้คนไทยรักกัน ร้อยละ 5.1 ระบุขอให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น และร้อยละ 2.4 ระบุขอให้ตนเองร่ำรวยมีเงินทองมากมาย ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและมีสุขภาพที่ดี
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่าตัวอย่างร้อยละ 54.7 เป็นหญิง ร้อยละ 45.3 เป็นชาย ตัวอย่าง ร้อยละ 5.3 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 18.0 อายุระหว่าง 20 - 29 ปี ร้อยละ 18.9 อายุระหว่าง 30 - 39 ปี ร้อยละ 22.5 อายุระหว่าง 40 - 49 ปี และ ร้อยละ 35.3 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 58.3 มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ในขณะที่ ร้อยละ 35.7 มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 6.0 มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี นอกจากนี้ ตัวอย่างร้อยละ 33.4 อาชีพเกษตรกร/ รับจ้างใช้แรงงานทั่วไป ร้อยละ 17.2 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ ร้อยละ 15.6 พนักงานบริษัทเอกชน 12.5 ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 9.9 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 7.5 แม่บ้าน / เกษียณอายุ และร้อยละ 3.9 ระบุว่างงาน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook