แจ้งทั่วโลกยกเลิก พาสปอร์ตแม้ว! บีบให้กลับไทยมาต่อสู้คดี

แจ้งทั่วโลกยกเลิก พาสปอร์ตแม้ว! บีบให้กลับไทยมาต่อสู้คดี

แจ้งทั่วโลกยกเลิก พาสปอร์ตแม้ว! บีบให้กลับไทยมาต่อสู้คดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลสั่งการ ให้บัวแก้วยกเลิก"หนังสือเดินทางธรรมดา"ของ"ทักษิณ"แล้วมีผลตั้งแต่ 12 เม.ย. บังคับบินกลับไทยสถานเดียว เว้นแต่ใช้พาสปอร์ตเดินทางของชาติอื่น ชี้ชื่อ"แม้ว" ขึ้น"หมายแดง" ประสานองค์การตำรวจสากลตามตัว เหตุยุยงม็อบเสื้อแดงล้มประชุมอาเซียน

บัวแก้วประสานทั่วโลก แจ้งถอนพาสปอร์ต"แม้ว"แล้ว

เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไทย ประสานและแจ้งไปยังรัฐบาลทั่วโลก โดยกระทรวงการต่างประเทศได้สั่งยกเลิกหนังสือเดินทางธรรมดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ตามนโยบายรัฐบาลยกเลิกหนังสือเดินทางธรรมดา (พาสปอร์ตเล่มสีแดงเลือดหมู) ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง บุกเข้าไปยังโรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ทำให้รัฐบาลต้องยกเลิกการประชุม

ทั้งนี้ การยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าว อาศัยอำนาจตามระเบียบ กระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ในหมวด 8 ว่าด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทาง ข้อ 23(7) ซึ่งระบุว่า สามารถยกเลิกและเรียกคืนหนังสือเดินทางได้ เมื่อปรากฎภายหลังว่า " ....พิจารณาเห็นว่า หากให้ผู้ถือหนังสือเดินทางยังคงอยู่ในต่างประเทศต่อไป อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยหรือต่างประเทศได้"

ไม่มีพาสปอร์ตต้องกลับไทย เว้นใช้ของชาติอื่น

ผลจากการยกเลิกหนังสือเดินทางธรรมดา เท่ากับเป็นการบังคับให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเดินทางกลับประเทศไทยเท่านั้น โดยต้องขอให้สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยในประเทศนั้นๆ เอกสารการเดินทางชั่วคราวหรือที่เรียกว่าซีไอ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงตนที่ใช้สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย เว้นแต่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะใช้หนังสือเดินทางของประเทศอื่นๆ ที่มีอยู่ในความครอบครองตามที่เคยประกาศไว้

ชื่อ"แม้ว"ขึ้น"หมายแดง"ให้ตำรวจสากลตามตัว

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของไทยได้ประสานไปยังองค์การตำรวจสากล (Interpol) โดยไทยเป็นสมาชิกอยู่ด้วย เพื่อให้ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหลบหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก มาถึงกรณีล่าสุด ถูกรัฐบาลออกหมายจับ ข้อหายุยง ส่งเสริมให้เกิดเหตุรุนแรง นำไปสู่ข้อหาการล้มล้างรัฐบาล โดยถูกขึ้นบัญชีไว้ในเว็บไซต์ขององค์การตำรวจสากลแล้ว

ก่อนหน้านี้ ช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่ง และแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีการเรียกร้องให้พิจารณายึดหนังสือเดินทางธรรมดาของ พ.ต.ท.ทักษิณก่อนหน้าแล้ว แต่ยังไม่มีการตัดสินใจดำเนินการใด และได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ไม่มีการตอบกลับมา เนื่องจากฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศ ให้เหตุผลด้วยว่าหากถอนหนังสือเดินทางทุกประเภทแล้ว จะถือว่าขัดต่อสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของบุคคลหรือไม่ ซึ่งได้หารือกับรองอัยการสูงสุดแล้ว ก็เห็นด้วย

แต่ในเวลานั้น มีการถกเถียงกันว่า การยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลตัดสินใจหรือมอบหมายให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตัดสินใจได้เลยหรือไม่ สุดท้ายเพียงยกเลิกหนังสือเดินทางอื่นๆ เว้นแต่หนังสือเดินทางธรรมดา ส่วนการดำเนินการอื่นๆ กระทรวงการต่างประเทศ ใช้วิธีประสานงานพูดคุยกับรัฐบาลประเทศอื่นเป็นการส่วนตัว ในการ ขอความร่วมมือเป็นการปฏิบัติต่างตอบแทน ที่ไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือบุคคลใดใช้พื้นที่ในประเทศเป็นเวทีทางการเมือง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในประเทศนั้นๆ ด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ก็ได้ท้าทายรัฐบาลให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของตน พูดตอนหนึ่งว่า "...ได้ข่าวว่าผู้ก่อการร้ายสากลที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่า จะมาเอาพาสปอร์ตผมคืน มาเลยพาสปอร์ตราคาพันกว่าบาทเอาไปเลย..."

"นพดล"ชี้ออกหมายจับ"แม้ว"ไม่กระเทือนเดินทางตปท.

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 เมษายนว่า การที่รัฐบาลออกหมายจับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีเกี่ยวข้องการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในการก่อเหตุวุ่นวายและรุนแรงนั้น คงไม่ใช่ เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีแค่วิดีโอลิ้งก์ และโฟนอินเข้ามาพูดคุยกับผู้ชุมนุม ส่วนการออกหมายจับนั้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องนำหมายไปจับกุมตัวในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หมายจับคงไม่มีผลกระเทือนต่อการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ

"ในเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำหนังสือชี้แจง ส่งไปยังสำนักข่าวต่างประเทศต่างๆ หรืออาจเป็นแถลงการณ์ลงในเว็บไซต์อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ผมก็ไม่รู้ว่าท่านพำนักอยู่ที่ไหน" นายนพดล กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook