"ปู ไปรยา" เปิดใจ ในวันที่แฟนๆ ผิดหวัง สาวรักสุขภาพ กลับมาขายอาหารเสริมลดหุ่น

เป็นอีกหนึ่งคนดัง ที่ต้องเจอกับกระแสดราม่าอาหารเสริม สำหรับนักแสดงสาว "ปู ไปรยา ลุนด์เบิร์ก" หนังถูกเพจดังในโลกโซเชียลออกมาโพสต์ภาพและข้อความ วิพากษ์วิจารณ์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมภายใต้การดูแลของเจ้าตัวว่า มีการใช้ข้อความโฆษณาเกินจริง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาโรค ซึ่งเรื่องนี้อาจสร้างความเชื่อผิดๆ ให้กับผู้บริโภคได้

โดยล่าสุดขณะที่นางเอกสาวคนดัง ปู ไปรยา เดินทางมาร่วมงาน "ผลิตภัณฑ์ซักผ้าคอมฟอร์ท" ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ เจ้าตัวออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งเปิดใจถึงกระแสในโลกโซเชียล ที่แฟนๆ หลายคนต่างรู้สึกผิดหวังในตัวของเธอ เนื่องจากก่อนหน้านี้สาวปูมีภาพลักษณ์เป็นสาวรักสุขภาพ แต่กลับนำชื่อเสียงมาทำธุรกิจขายอาหารเสริมลดน้ำหนัก

ล่าสุดมีเพจออกมาบอกว่าสินค้าเราโฆษณาเกินจริง ชูสรรพคุณรักษามะเร็ง บำรุงตับ ลดความดัน บำรุงหัวใจ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ?
“อันนี้ปูขอชี้แจงในส่วนของปูก่อนนะ และค่อยต่อด้วยในฐานะบริษัท คือในฐานะปู ตอนที่ปูได้เห็นก็ได้ถามทันทีว่าทำไมออกมาแบบนี้ ทำไมปูไม่ได้เห็นก่อน เขาก็แจ้งมาว่าเป็นทีมมาร์เก็ตติ้งเก่าทำ และพอได้รู้ก็ปลดทีมมาร์เก็ตติ้งนั้นไปแล้ว ซึ่งปูได้ชี้แจงกับทางบริษัทและผู้บริหารทุกคนว่า ปูค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้ เพราะถ้ารู้จักนิสัยปูคือเป็นคนทำอะไรจริงจัง เวลาโกรธคือโกรธจริง ปูเลยบอกเขาว่าสุขภาพของผู้บริโภคสำคัญ ภาพลักษณ์สินค้ากับภาพลักษณ์ปู ตอนนี้มันพ่วงกัน”

“คือถ้าปูเห็นแอดนี้ออกก่อน ปูไม่มีทางอนุมัติ แต่ในเมื่อปูไม่ได้เห็น เราก็ต้องยอมรับว่านี้คืออีกบทเรียนในชีวิต ปูได้โตขึ้นแล้ว ในเมื่อภาพลักษณ์ของสินค้ากับภาพลักษณ์เรามันพ่วงกัน ในวันนี้ที่เรื่องนี้เกิด ปูต้องเป็นตัวแทนของบริษัทและแบรนด์มารับหน้ากับพี่ๆ และประชาชน เลยบอกว่า สิ่งที่เขาได้ทำ เขาได้แก้ไขแล้ว ก็ต้องขอบคุณเพจที่ช่วยให้ความรู้ผู้บริโภค อันนี้ปูว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ปูอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว รู้ว่าถ้าใช่ก็คือใช่ เวลาไม่ใช่ปูเป็นตัวแทนของประชาชน ของคนในวงการ เราต้องยอมรับในสิ่งที่มันไม่ใช่ และตอนนี้ทางบริษัทได้รับทราบความรู้สึกของปูแล้ว และเขารับทราบว่าปูซีเรียสกับเรื่องนี้แค่ไหน ซึ่งเขาก็กำลังแก้ไขอยู่”

ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้เลยว่ามีเขียนสรรพคุณ บำรุงตับ ลดความดัน ต้านมะเร็ง ฯลฯ ?
“ไม่ได้เห็นตรงนี้ เพราะจริงๆ สิ่งที่ปูเห็นตอนได้เข้ากรุ๊ปมาร์เก็ตติ้ง คือหลังจากที่อันนี้ออกมาแล้ว เพราะเราได้มีการพูดคุยกัน ถามหุ้นส่วนคนอื่นก็ได้ ปูบอกแล้วตั้งแต่ต้นว่าปูต้องได้รู้ทุกรายละเอียด ซึ่งมันไม่ได้เป็นธุรกิจที่ปูก่อตั้งมาเอง แต่เป็นธุรกิจที่ปูมาร่วม ในวันที่ปูลองทานแล้วมา 2 เดือน ซึ่งของชี้แจงว่าตัวสินค้าเอง มี อย. ปลอดภัย และปูทานมาได้ 2 เดือนแล้วและปูไม่มีปฎิกิริยาอะไร"

"แต่ขอย้ำเรื่องการโฆษณา ปูไม่เห็นด้วย และเหตุผลถ้าปูรู้ ปูซีเรียสกับเรื่องนี้ ถ้าทุกคนอ่านข่าวนี้ไม่ได้เป็นการเฟค คนก็รู้ปูออกกำลังกายหนัก และคนก็รู้ว่าทำไมคนออกกำลังกายหนัก หุ่นดี มาขายอาหารเสริม ไม่เคยอ้วน คือก็เหมือนกัน คนที่เป็นเจ้าของยิม ก็ไม่จำเป็นต้องผอม เพราะจริงๆ มันคือธุรกิจ เรามองเป็นการเสริมสร้างรายได้ของเรา แล้วความเป็นดารา วันนี้เราอาจจะมีงาน แต่วันข้างหน้าเราควรจะเก็บเงินไว้ ทุกอย่างเป็นกระแส เราก็รู้สึกว่าเราต้องหาธุรกิจทำ”

สินค้าที่ออกมาไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากปูก่อนเหรอ ?
“ผ่านค่ะ แต่ตอนแรกๆ มันยังไม่ลงตัว และมันถูกลบไปแล้ว วันนี้ถ้าปูจะมีสคริปต์มาพูด ปูก็ทำได้ แต่ปูไม่ใช่ดาราสาวสคริปต์ ปูขอพูดตรงๆ ดีกว่า เพราะปูรู้สึกว่าชื่อเสียงของปูอาจจะไม่มีคุณค่ากับคนอื่น แต่มันมีคุณค่ากับปู เพราะปูเคยไม่ได้อยู่ในจุดนี้ ปูมาถึงจุดนี้ด้วยความพยายามของปู ด้วยใจที่ปูรัก เลยบอกว่าถ้าปูจะมาทำธุรกิจตัวนี้ ปูเชื่อมั่นในตัวเขา ในคำสัญญาเขาว่าเขาจะซื่อตรงในทุก ๆ ด้านเพราะปูเป็นคนไม่เคยยอมให้ใครมาเอาเปรียบปูอยู่แล้ว”

ปูเสียดายภาพลักษณ์ตัวเองมั้ยที่สั่งสมมา ?
“โอ้ย ไม่เสียดายค่ะ เพราะก็ยังไม่มีอะไรนี่คะ จริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องภาพลักษณ์ไม่ดี มันต้องดูที่การกระทำสิคะ นี่ไม่ใช่ปูกระทำ แต่ปูเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท แต่เราก็ต้องอธิบายก่อนว่ามันต่างจากหุ้นส่วนยังไง มันคือ เราได้เปอร์เซ็นจากการขายเพื่อใช้ ชื่อเรา หน้าเรา เพื่อผลักดันสินค้า และมันก็เป็นโครงสร้างทางธุรกิจที่ดารานิยม เพราะมันมีคอมมิทเม้นต์ต่อการโปรโมทสินค้า ซึ่งจริงๆ ถามว่าผิดไหมมันไม่ผิด เพราะสินค้าไม่ได้มีปัญหา และในเชิงภาพลักษณ์ก็ไม่ได้เสีย เพราะปูเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าลดน้ำหนักมาหลายตัว”

หลังจากนี้ต้องเช็คทุกอย่างเลยไหม ?
“ปูตรวจเช็คทุกอย่าง ตอนนี้ปูมีทีมกฏหมายและทีมการเงินที่ตรวจเช็คงานอย่างละเอียดและใกล้ชิด ในช่วงเวลาที่ปูยังมีหน้าที่ต่อตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคกับสินค้านี้ ปูก็จำทำให้เต็มที่ค่ะ”

เรายังคงทำงานกับเขาต่อไป ?
“ทำสิคะ อย่างที่บอกปูไม่เคยเป็นคนเฟค ปูอยากให้ข้อมูลแฟนๆ และผู้บริโภคมากที่สุดเท่าที่ปูรู้ และปูขอย้ำอีกทีว่าทางเรามี อย. ปูได้ ทานจริง ให้คนในครอบครัวทาน ปูเป็นคนธรรมะ ธรรมโมนะ ปูมีจรรยาบรรณ ปูมีศีลธรรม อะไรที่ปูไม่ทานเอง ปูไม่กล้ามาขาย ถ้าปูรับประกันว่าสุขภาพของปู มีคุณค่าเท่าสุขภาพของคุณ”

เราได้เข้าไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ?
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ปูอยากเรียนรู้เรื่องนี้นะ ปูใช้ทีมกฏหมายและการเงินของปูเข้าไปตรวจสอบบริษัท เขาก็คงรู้ว่าปูเป็นดาราที่ทำงานด้วยค่อนข้างยากในเรื่องนี้ เพราะปูหวงและห่วง ปูดูทุกรายละเอียด เท่าที่ดูทั้งหมดคุณกอล์ฟ เป็นคนซื่อตรง ได้ทำงานด้วยกัน ปูได้ดูบัญชีและบริษัทเขา เท่าที่รู้และทีมการเงินได้ชี้แจงคือ บริษัทเขาไม่ได้เป็นแชร์ลูกโซ่นะคะ เรามั่นใจ เห็นว่าเขายื่นเอกสารไปทาง สคบ. แล้ว เห็นว่าใช้เวลา 45 วัน ตรงนี้ปูมั่นใจในบริษัทนะคะ ปูขอเป็นกำลังใจในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ปูขอทำหน้าที่ให้ตัวแทนให้ดีที่สุด”

ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบเยอะ เราจะกู้ภาพลักษณ์ยังไง ?
“ปูว่าปูใช้จรรยาบรรณในการขายของ ในส่วนของเหตุการณ์ที่ผิดพลาดขึ้นมา อันนั้นปูต้องคุมเข้ม และคุมทุกคน ปูเป็นคนทำอะไรแล้วทำด้วยใจจริง เป็นคนตรง เราคงกู้มันได้อยู่แล้ว”

หลายคนเข้ามาวิจารณ์ว่าปูออกกำลังกายอย่างหนักไม่น่าลดเกรดตั้งเองมาขายอาหารเสริม ?
“ตัวปูเองก็เคยเป็นพรีเซนเตอร์อาหารเสริมที่เกี่ยวกับรูปร่างมาก่อน การที่เราจะทำธุรกิจอย่างแรกเราต้องหาสินค้าในประเภทที่เราไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์อยู่ พวกที่เกี่ยวกับความสวยความงามปูชนหมดแล้ว เกี่ยวกับสรีระปูยังพอว่างอยู่ การทำธุรกิจครั้งนี้ปูไม่ได้เป็นก่อตั้ง เขาเป็นคนก่อตั้ง แต่เราเป็นหน้าเป็นตาให้กับสินค้าเขา ปูมองว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ง่ายในการทำธุรกิจ แม้จะใช้คำว่าบอสหรืออะไรก็ตาม เราขายสินค้าด้วยของเรา ด้วยใจเรา ด้วยตัวเรา เพียงแค่เราไม่ได้เป็นคนก่อตั้งธุรกิจ แต่เรากำลังพยายามที่จะเรียนรู้ธุรกิจตามแบบที่เราจะเรียนรู้ได้ สำหรับปูแล้วปูไม่ได้มองว่ามันเป็นการลดเกรดตัวเอง ปูมาจากตรงไหนปูจำได้ดี ปูจำวันที่ปูไม่มีงานได้ ปูไม่มีวันลืมมัน”

“ปูว่าคุณค่าของคนมันไม่ได้อยู่ที่ภาพที่สร้างแต่ มันอยู่ที่ใจและการกระทำ ปูเชื่อว่าปูเป็นผู้หญิงที่มีคุณภาพ ปูอาจจะมีสิ่งที่ผิดพลาดตอนปูเด็กๆ พอปูโตแล้ว เหมือนปูได้อาบน้ำร้อนมาก่อนแล้ว ภาพลักษณ์คือสิ่งที่เราสร้างมันในทุกๆ วันและสร้างด้วยความจริงใจดีกว่า เราอย่าไปทุกข์เลยกับการที่คนจะว่าเรา ดาราควรจะจำไว้ว่าวันที่เราสูงก็ไม่ได้แปลว่าคนตำหนิเราไม่ได้ เราอยู่ในสปอร์ตไลต์ อาชีพเราถูกสร้างขึ้นมาด้วยสังคม ถ้าเราจะมาน้อยใจหรือโกรธในคำพูดของประชาชนหรือผู้บริโภคสินค้าเรา ปูว่าเราควรจะพิจารณาตัวเองดีกว่า บอกเลยว่าปูยอมรับกับทุกคำติชม ปูจะพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดให้คนเห็นว่าคุณค่าของปูมันไม่ได้อยู่ที่การขายของ แต่มันอยู่ที่ตัวตนปู คุณค่าของปูไม่ได้อยู่ที่พรีเซนเตอร์หรือชื่อเสียงปู แต่มันอยู่กับสิ่งที่ปูทำในทุกๆ วันกับคนรอบข้างปู กับสังคมของปู ขอให้เขาดูตรงนี้ดีกว่า”

มีคนออกมาแฉว่าหลอกให้ซื้อสินค้าแล้วขายไม่ออก ?
“ก็เห็นค่อนข้างเยอะนะ จะบอกว่าปูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับวงการอาหารเสริมตอนนี้ คือจริงๆ ปูดีใจนะที่วันนี้มีการตรวจสอบ ตอนที่ปูเหยียบเข้ามาในวงการนี้ ปูก็มองว่ามันเป็นธุรกิจที่เหมาะกับเรา ซึ่งมันก็ไม่ผิดกับตรงนี้ มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา มันยังไม่มีเรื่องแย่ ก็เลยยังไม่อยากให้ไปตีว่ามันเป็นเรื่องที่แย่ ตอนนี้ที่เห็นข่าวออกมากับหลายๆสินค้า อยากให้ทุกคนพิจารณาตัวเองว่าเราขายสินค้าให้ผู้บริโภค สุขภาพเขามีคุณค่าเท่ากับสุขภาพของเรา เราควรจะคิดและไตร่ตรองเยอะๆ ก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยสอบสวน อยากจะขอให้ไม่มีสินค้าไม่มีอย. ไม่เป็นอันตรายกับผู้บริโภคอยู่ในตลาดแล้ว เพราะว่าถ้าเป็นแม่ปู น้องปู หรือปูทานเองปูก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน คำขอโทษก็คงไม่พอ การที่มีกฎหมายที่เข้มงวดในวงการอาหารเสริมตอนนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสม”

กอล์ฟเขาโดนโจมตีมาก เขาได้สร้างความเชื่อมันให้เราอย่างไรบ้าง ?
“ปูมีทีมกฎหมายและทีมการเงินที่สามารถตรวจสอบเขาได้ตลอด เราสามารถเข้าไปดูได้ตลอด แล้วเราก็ดูอย่างใกล้ชิด สิ่งเดียวที่เขาให้ความมั่นใจปูได้คือทีมกฎหมายและทีมการเงินปูที่ชี้แจงมากับปู คุณกอล์ฟเขารับปากกับปูว่าเขามั่นใจในบริษัทของเขา ปูเชื่อเขา ปูได้บอกเขาไปว่าพี่อย่าทำให้หนูผิดหวัง แล้วปูก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้ปูผิดหวัง ปูเข้าใจว่าเขาโดนโจมตีเยอะเขาอาจจะขาดกำลังใจ วันนี้ปูขอพูดเลยว่าปูขอเป็นกำลังใจให้เขานะคะ ขอให้เขาผ่านตรงนี้ไปให้ได้ค่ะ”

เราไม่คิดว่าเขาจะโกหกเราเลย ?
“พวกพี่ๆ รู้จักนิสัยปู ไปรยาไหมคะ ใครทำปู ปูไม่เคยยอม ปูคอยดูตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรปู”

มะตูม และ ต้นหอม เขาว่าอย่างไรบ้าง ?
“ตอนที่เขาชวนมาทำธุรกิจเราก็ยินดีทำด้วยกัน เราอยู่ในฐานะคนร่วมงานกัน ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นมาตั้งแต่ต้น เราก็พยายามเรียนรู้นิสัยซึ่งกันและกัน เขาก็เรียนรู้ว่าปูเป็นคนที่ค่อนข้างตรงกว่าคนที่เขาเคยร่วมงานด้วย ต้องใช้ความเคยชินนิดหนึ่ง แต่ปูมีเหตุผลว่าทำไมปูต้องเข้มงวดขนาดนี้”