ส.ส.ญี่ปุ่นชี้ผู้หญิง “โสด” จะเป็นภาระของรัฐ โต้ข่าวไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่น
ส.ส.พรรครัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าผู้หญิงควรมีบุตรหลายคน พร้อมเตือนผู้หญิงที่ต้องการอยู่คนเดียวจะกลายเป็นภาระของรัฐในอนาคต แต่คณะทำงานของเขาออกมาโต้ว่า ไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นผู้หญิง
คันจิ คาโตะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี พรรครัฐบาลของญี่ปุ่น ขึ้นกล่าวในระหว่างเข้าร่วมพิธีแต่งงานครั้งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาสนับสนุนให้คู่แต่งงานแต่ละคู่มีทายาทอย่างน้อย 3 คน
คาโตะ ผู้มีบุตร 6 คน และมีหลานอีก 8 คน ยังกล่าวต่อไปว่า “ผมบอกพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่แต่งงาน พวกเขาก็จะไม่มีทายาท และสุดท้ายพวกเขาจะต้องไปอยู่ในศูนย์บริการสุขภาพของรัฐที่งบประมาณมาจากภาษีของบุตรหลานของผู้อื่น”
สำนักข่าวของญี่ปุ่นรายงานคำพูดดังกล่าวของคาโตะว่า อาจเข้าข่ายการเหยียดเพศ แต่คณะทำงานของคาโตะได้ออกมาแก้ต่างในภายหลัง โดยยืนยันว่าคาโตะไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม คาโตะไม่ใช่นักการเมืองคนแรกของญี่ปุ่น ที่กล่าวว่าหน้าที่หลักของผู้หญิง คือ การให้กำเนิดบุตร โดยเมื่อปี 2007 ฮาคุโอะ ยานากิซาวะ อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข เคยกล่าวว่า ผู้หญิงคือเครื่องจักรที่ให้กำเนิดลูก และยังกล่าวอีกว่า “หน้าที่ของผู้หญิง คือ การเพิ่มอัตราการเกิด”
มีการประเมินว่าภายในปี 2040 คนญี่ปุ่นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นโสด แต่ผลการสำรวจความเห็นในปี 2015 พบว่า ผู้หญิงที่อายุระหว่าง 18-34 ปี เกือบ 80เปอร์เซ็นต์ ยังเห็นว่าการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นต่างให้ความสำคัญกับโอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงอายุ 20-30 ปี และจะหันกลับมาสนใจเรื่องแต่งงานและการมีทายาทเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป
เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานของกระทรวงการสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งสำรวจข้อมูลถึงวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า จำนวนเด็กแรกเกิดจนถึงวัย 14 ปีในญี่ปุ่น มีอัตราต่ำที่สุดอยู่ที่ 15.53 ล้านคน ลดลงจากปีที่ผ่านมาถึง 170,000 คน และคิดเป็น 12.3 เปอร์เซ็นต์ของสัดส่วนประชากรทั้งหมด