เปิดใจ "ทนายจำเลย" อาสาว่าความคดี "เปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ" ช่วยฟรีไม่คิดเงิน
จากคดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2560 ซึ่งล่าสุดศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิพากษาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว และ น.ส.กวิตา หรือ เอิร์น แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงพิจารณาลดโทษเหลือ 1 ใน 3 ให้จำคุกรวม 34 ปี 6 เดือน
>>ศาลพิพากษาคุก "เปรี้ยว ฆ่าหั่นศพ" 34 ปี พร้อมสั่งชดเชย 1 ล้าน
ส่วนนายวศิน นามพรหม โดนจำคุก 23 ปี 4 เดือน 22 วัน ขณะที่ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน และ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือ เบนซ์ ข้อหารับของโจร ถูกจำคุก 2 ปี ลดโทษเหลือ 1 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 1,070,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ให้กับครอบครัวผู้ตาย นั้น
ล่าสุด นายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความส่วนตัวของเปรี้ยวและเอิร์น ได้เดินทางเข้าพบเพื่อสอบถามเรื่องการขออุทธรณ์โทษ หลังจากที่ศาลพิพากษาจำคุก 34 ปี 6 เดือน
โดยนายอมรพงศ์กล่าวว่า จากการพูดคุยเปรี้ยว ยืนยันว่าไม่ขออุธรณ์โทษที่ศาลพิพากษาแล้ว ขอยอมรับชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งทางครอบครัวเปรี้ยวก็มีความเห็นตรงกันว่าไม่อุทธรณ์ โดยเปรี้ยวกล่าวกับทนายว่า เมื่อคืนหลังจากฟังคำพิพากษาแล้ว นอนไม่หลับ พอรู้ถึงอัตราโทษที่ศาลพิพากษา ตอนนี้เปรี้ยวกังวลใจเรื่องจะต้องโดนย้ายไปคุมขังที่เรือนจำคลองไผ่ เพราะหากต้องย้ายไปจริงก็ต้องปรับตัวใหม่ และสิ่งที่เปรี้ยวตกใจคือ เห็นชื่อตัวเองปรากฎบนกระดานในเรือนจำที่ระบุอัตราสูงสุด
ส่วนเรื่องการอุทธรณ์ของฝั่งโจทก์ ครอบครัวของน้องแอ๋ม ก็เป็นสิทธิทำได้ ซึ่งหากทีการอุทธรณ์จริงตนก็ไม่หนักใจอะไร เพราะเปรี้ยวและเอิร์นได้พูดความจริงไปทุกอย่างแล้ว ศาลก็พิจารณาให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่จำเลยที่ 1 คือเปรี้ยว และจำเลยที่ 2 คือเอิร์น ก่อเหตุนั้นที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และเขาไม่ได้เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง เพราะหากไตร่ตรองก่อนจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์พร้อม แต่อุปกรณ์ต่างๆ ตามซื้อทีหลังโดยเฉพาะถุงดำที่ทำให้แอ๋มเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ
ในส่วนของเอิร์น ทนายความระบุว่า ทางเอิร์นแจ้งขออุทธรณ์โทษที่ได้รับ เพราะเอิร์นไม่ได้ตั้งใจฆ่าแอ๋มแต่เหมือนตกกระไดพลอยโจนไปกับเปรี้ยว เพราะเอิร์นและเปรี้ยวรักกันมาก เพื่อนว่าไงก็ว่าตาม ซึ่งในส่วนนี้ก็จะพิจารณายื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
สำหรับทนายความของเปรี้ยวและเอิร์นนี้ หลายคนสงสัยว่าเป็นใครมาจากไหน และเป็นเหมือนฮีโร่มาช่วยให้เปรี้ยวและเอิร์นไม่ต้องถูกพิพากษาประหารชีวิต นายอมรพงศ์กล่าวว่า การเข้ามาช่วยคดีนี้ ตนไม่ได้พลิกคดีได้ แต่เป็นเพราะความจริงที่ลูกความของตนพูดจริงและประจักษ์พยาน ทั้งวัตถุและผลการตรวจของแพทย์ชัดเจน จึงทำให้ศาลพิจารณาถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ว่าเป็นมาอย่างไร เพราะขณะเกิดเหตุนั้นไม่มีใครรู้ดีเท่าผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน แต่ก็พิสูจน์ความจริงด้วยหลักฐานที่มีอยู่
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นตนไม่ได้คิดค่าว่าความกับเปรี้ยว เป็นเหมือนการช่วยเหลือกัน ซึ่งการเข้ามาช่วยเหลือเปรี้ยวนั้นแรกเริ่มตนเป็นทนายความให้กับเอิร์นก่อน แล้วทางเอิร์นขอให้มาช่วยเปรี้ยวด้วย ตนจึงอาสามาช่วย