สหรัฐฯ เปิดสถานทูตที่ "เยรูซาเล็ม" ท่ามกลางการประท้วงดุเดือดที่กาซ่า
รัฐบาลสหรัฐฯ ย้ายสถานทูตในอิสราเอล จากกรุงเทลอาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็มอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการประท้วงของชาวปาเลสไตน์บริเวณฉนวนกาซ่า ซึ่งนำไปสู่ความรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 55 ราย บาดเจ็บอีกหลายร้อยราย
หลังเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับทหารอิสราเอล พิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ที่นครเยรูซาเล็ม จัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (14 พ.ค. 61) ห่างจากจุดที่เกิดการประท้วงไม่ถึง 100 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการยืนยันจุดยืนของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้เน้นย้ำไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว เรื่องการย้ายสถานทูตและยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธเสียงคัดค้านของรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก
นายจาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ที่ปรึกษาทำเนียบขาว และลูกเขยของนายทรัมป์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่เดินทางไปร่วมในพิธีเปิดสถานทูตที่เยรูซาเล็ม กล่าวว่า "ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ ต่างล่าถอยจากคำสัญญาที่ว่าจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ มายังเยรูซาเล็ม แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับเป็นคนเดียวที่กล้าทำ นั่นเพราะประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนที่รักษาคำพูด"
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวในพิธีเปิดผ่านทางวิดีโอ ประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และย้ำว่า สหรัฐฯ จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ด้านรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สตีเว่น มนูชิน (Steven Mnuchin) กล่าวว่า การย้ายสถานทูตครั้งนี้อยู่ภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นหลัก
ขณะที่บรรดาผู้นำชาติอาหรับต่างออกมากล่าวประณามการกระทำของสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรีเลบานอน ซาอัด ฮารีรี กล่าวว่าเป็นการยั่วยุ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ระบุว่าเป็น "วันแห่งความน่าอดสูครั้งใหญ่" อีกด้านหนึ่ง การประท้วงที่ฉนวนกาซ่าเพื่อต่อต้านสถานทูตแห่งใหม่ของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์เข้าร่วมหลายพันคน โดยเจ้าหน้าที่ของกาซ่าคาดว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วราว 500 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 55 ราย จนบรรดานักวิจารณ์ต่างตำหนิและประณามทหารอิสราเอลที่ใช้กระสุนจริงกับผู้ประท้วง
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สันนิบาตชาติอาหรับมีแถลงการณ์เรียกการตัดสินใจของนายโดนัลด์ทรัมป์ ในครั้งนี้ว่าเป็นนโยบายอันตราย ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ถูกมองว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นกลาง และยังถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะคนกลางและผู้สนับสนุนกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยังก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชากรมุสลิม ซึ่งอาจมีผลให้เกิดความรุนแรงและการนองเลือดในตะวันออกกลาง ประธานสันนิบาตชาติอาหรับ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับปาเลสไตน์เป็นประเทศ โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง เพื่อตอบโต้ต่อนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย พร้อมกับขอให้สหประชาชาติมีมติประณามการตัดสินใจดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ