"สันธนะ'" เดินหน้าชน 3 บิ๊กตร. ลามเล่นงานถึงพ่อ ยันไม่ใช่มาเฟีย

"สันธนะ'" เดินหน้าชน 3 บิ๊กตร. ลามเล่นงานถึงพ่อ ยันไม่ใช่มาเฟีย

"สันธนะ'" เดินหน้าชน 3 บิ๊กตร. ลามเล่นงานถึงพ่อ ยันไม่ใช่มาเฟีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีล่าสุดตำรวจออกหมายเรียก พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย พ่อของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง ให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 18 พ.ค. ฐานให้ที่พักพิงผู้ต้องหา เนื่องจากวันที่ พ.ต.ท.สันธนะถูกออกหมายจับคดีกรรโชกทรัพย์ ได้ไปพักอาศัยที่บ้านของบิดาก่อนเข้ามอบตัว

>>ตำรวจออกหมายเรียก "พ่อสันธนะ" ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา

ล่าสุดทางพ.ต.ท.สันธนะ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นบานปลายไปกันใหญ่ จากเดิมที่นายตำรวจทั้งสามคนมีปัญหาแค่กับตน แต่ตอนนี้ลามไปยังบิดาของตนแล้ว ไม่เข้าใจว่านายตำรวจทั้งสามคนนี้ต้องการอะไร หากต้องการเล่นงานผม ก็เล่นไป แต่อย่ามาเล่นถึงบุพการีถึงครอบครัว

เรื่องที่เกิดขึ้น คุณพ่อกล่าวว่า เสียใจมาก กระทบกระเทือนจิตใจ คุณพ่อ อายุ 91 ปี เคยเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทำงานเพื่อสังคมจนเกษียณ ตำรวจที่ทำคดีนี้มีสำนึกหรือไม่ ส่วนวันที่ 18 นี้ มอบหมายให้ทนายความเป็นคนไปพบตำรวจ แทนคุณพ่อ และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

สำหรับปมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดใหม่ดอนเมืองเลย แต่เป็นเรื่องส่วนตัวที่ตนและนายตำรวจทั้งสามนาย เคยมีปัญหากันมาก่อน เขาพยายามเอาตัวผมให้ได้และจะเกี่ยวโยงเชื่อมโยงให้เป็นเครือเหมือนแก๊งอาชญากรรมใหญ่โต เหมือนผมเป็นโจรก่อการร้าย เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าผมเป็นมาเฟีย ซึ่งหากจะให้ตนเป็นมาเฟียจริงๆ ก็น่าจะให้ตนมีเรื่องกับเจ้าของธุรกิจหรือความขัดแย้งกับเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ให้สมกับฉายามาเฟีย ไม่ใช่มาเฟียตลาดแบบนี้

ที่ตนเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดนี้ เพราะมีความสัมพันธ์ยาวนานกับเจ้าของตลาด และช่วงหลังมาที่ตลาดมีปัญหาเรื่องการเก็บค่าส่วนกลาง มีบางกลุ่มแยกเก็บเงินผู้ค้าไม่เป็นสัดส่วนกระจัดกระจาย ตนจึงเข้ามาช่วยดูแลจัดเป็นระบบ ซึ่งเงินที่เก็บมานั้นสามารถตรวจสอบได้ เพราะมันคือเงินส่วนกลาง และหากที่ตลาดแห่งนี้มีมาเฟียรีดไถ่เงินจริง ทำไมพึ่งมาเป็นข่างแจ้งความกันในช่วงนี้

นอกจากนี้ พ.ต.ท.สันธนะ ยอมรับว่าตนไม่ใช่มาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพล แต่ยอมรับว่าเดินทางสายสีเทาไม่ใช่สายขาวบริสุทธิ์ หากมีเรื่องกับใครผมก็เอาเรื่องคนนั้นไม่ลามไปหาครอบครัว และหากเป็นคนผิด ก็พร้อมเดินไปขอโทษ แต่หากไม่ผิดก็สู้ถึงแม้รู้ว่าสู้กับตำรวจที่มีอำนาจแต่เชื่อว่า สุดท้ายจะได้รับความยุติธรรม เมื่อถึงเวลานั้นสังคมจะตีกลับมาเองว่าตำรวจทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

ในเวลาต่อมา พ.ต.ท.สันธนะ ได้ส่งตัวแทนเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยหนังสือดังกล่าวมีข้อความ ดังนี้

เรื่อง ขอแจ้งเตือนการปฏิบัติหน้า และคำสั่งสนธิกำลังพลและอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการใดๆ กับข้าพเจ้า

เนื่องจากในปัจจุบัน ได้มีสถานการณ์ความรุนแรงอันเกินกว่าเหตุในการดำเนินการใดๆ กับข้าพเจ้า โดยอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของนายพลตำรวจ จำนวน 3 นาย ซึ่งมีความขัดแย้งส่วนตัวโดยตรงกับข้าพเจ้าดังนี้ คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา , พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล นอกจากนี้ปฏิบัติการดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อบุพการีและครอบครัวของข้าพเจ้าโดยตรง อันไม่สามารถยินยอมได้อีกต่อไป ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ดำเนินการกับทั้ง 3 นาย นับแต่นี้เป็นต้นไป

อนึ่ง หากมีการแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับข้าพเจ้า อันเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนคดีใดก็ตาม มีความจำเป็นต้องขอศาลยุติธรรม เพื่อขออนุมัติหมายจับติดตามจับกุมตัวข้าพเจ้า มาดำเนินคดีนั้น กรณีข้างต้นนี้ ขอเรียนว่าข้าพเจ้าไม่เคยคิดหลบหนี และพร้อมมอบตัวต่อสู้คดี และขอใช้ที่อยู่ เลขที่ 412/248 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เป็นสถานที่รับส่งเอกสารจนกว่าจะเสร็จสิ้นคดีความ และท่านสามารถติดต่อข้าพเจ้า ได้ตลอดเวลาทางโทรศัพท์มือถือหมายเลข 0818607181

จึงเรียนมายังท่านเพื่อแจ้งให้นายตำรวจทั้ง 3 นายทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป

>> "สันธนะ" เผยชื่อ 3 นายพลคู่ขัดแย้ง วิระชัย-สุรเชษฐ์-ผบ.ตร.

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุถึงกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะว่าจะฟ้องกลับตำรวจระดับนายพล 3-5 คนที่กลั่นแกล้ง ว่า ตนไม่อยากพูดเรื่องดังกล่าว โดยเกรงว่าจะเป็นประเด็นอีก ซึ่งการฟ้องกลับนั้นถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา

ส่วนที่ออกมาข่มขู่พยานว่ามีดำเนินการกับผู้เสียหายทั้ง 8 คนที่ไปแจ้งความว่า พ.ต.ท.สันธนะ มีการเรียกรับผลประโยชน์ ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขาจะฟ้องใครกลับก็ได้ ยืนยันว่าคณะทำงานที่ดูแลเรื่องดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว ขณะที่การพิจารณาโทษอื่นๆ เช่น การถอดยศ เชื่อว่าคณะทำงานจะต้องมีการพิจารณา แต่ไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาการปลดยศหรือไม่

>>"สันธนะ" เล็งฟ้องกลับ 8 ผู้ค้า ที่กล่าวหารีดไถกรรโชก

นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีหนังสือคำสั่งของสมาคมราชกรีฑาสโมสร เรื่องห้าม พ.ต.ท.สันธนะ เข้าบริเวณสมาคมราชกรีฑาสโมสร เพราะเกรงว่าเหตุการณ์เผชิญหน้าดังกล่าวจะเกิดขึ้นและอาจทวีความรุนแรงขึ้นในวันแข่งม้า จึงมีมติห้ามท่านเข้าบริเวณสมาคมราชกรีฑาสโมสร นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook