ญาติโอด สาวถูกฆ่าในสวนยางฯ ครบ 1 ปี คดีไม่คืบ คนร้ายยังลอยนวล

​

วันที่  17 พฤษภาคม 2561  จากคดีฆาตกรรม นางสุนิสา หรือ  “สา”  สุขแก้ว  อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ที่ 1 ต.เขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง  มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ถูกคนร้ายใช้ของแข็งตีศีรษะและเอาศีรษะกดในหนองน้ำจนเหยื่อเสียชีวิต  ขณะออกไปกรีดยางพาราหารายได้เลี้ยงลูกน้อย 2 คน วัย 6 ขวบ และ 4 ขวบ  

สถานที่เกิดเหตุห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กิโลเมตร เหตุเกิดเช้ามืดเวลา 04.00 น. วันที่ 12  พฤษภาคม  2560 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต ของแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา  พบว่า นางสุนิสาเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ  มีน้ำในปอด ไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืน   คดีนี้ พนักงานสอบสวน เรียกผู้ต้องสงสัย   และ พยาน  เข้ามาทำการสอบสวน ไปทั้งหมด 40 ปาก แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย  หรือพบพยานหลักฐานใดๆ ที่จะเชื่อมโยงไปหาตัวคนร้ายในคดีนี้ได้

คดีผ่านมาแล้ว 1 ปีเต็ม ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ทำให้ครอบครัวอยู่กันอย่างหวาดกลัว โดยเกือบตลอด 1 ปี ทุกคนไม่กล้าออกจากบ้านไปกรีดยางพารา แต่ในที่สุดประมาณ 1 เดือน ทางมารดา และน้องสาวของผู้ตาย ซึ่งรับภาระต้องดูแลหลานด้วยนั้น ต้องออกไปกรีดยางพารากัน 2 คน เพื่อเป็นเพื่อนกัน   เนื่องจากจำเป็นต้องมีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว

นางลฎาภา  อายุ 47 ปี มารดา, พี่สาว และนายเจียน  อายุ 80 ปี  ตาของผู้ตาย   กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี เต็ม หลังจากน้องสาได้เสียชีวิตลง จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ทางครอบครัวได้พยายามโทรศัพท์ไปสอบถามความคืบหน้าของคดีตลอดเวลา โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยแจ้งมาให้ทราบ แต่ได้รับคำตอบว่าทางเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่  

ทางครอบครัววอนขอความเป็นธรรมให้ลูกทั้งน้ำตา  แม้น้องสาจะเสียชีวิตไม่มีโอกาสจะฟื้นคืนแล้ว แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานจริงจัง เอาตัวคนผิดที่ทำกับน้องสามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้  ทางครอบครัวอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ทำไปเพื่ออะไร เพราะน้องสาไม่ใช่คนเที่ยวเตร่ รักลูกและพยายามทำงานหาเงินเลี้ยงดูลูก 2 คน เพียงลำพัง ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร  แล้วมาทำเขาทำไม คนร้ายต้องการอะไร 

โดยครอบครัวหวาดผวา กลัวไม่กล้าใช้ชีวิตปกติมานานตลอดเวลา 1 ปี  เพิ่งตัดสินใจออกไปกรีดยางแปลงเดียวกับที่น้องสา กรีดและรับจ้างกรีดเพิ่มรวมประมาณ 19 ไร่  มาได้ประมาณ 1 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ตลอด 1 ปี ไม่กล้าออกไปกรีดยาง เพราะไม่ทราบคนร้ายเป็นใคร

มาถึงขณะนี้ต้องขจัดความหวาดกลัว เพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง โดยแม่กับน้องสาวผู้ตายจะไปเป็นเพื่อนกัน เพราะไม่กล้าไปคนเดียวเพียงลำพัง กลัวคนร้ายจะย้อนมาทำร้ายคนในครอบครัวที่เหลือ เพราะเห็นแล้วว่า ทำทางตำรวจก็จับคนร้ายไม่ได้   สิ่งที่ทางครอบครัววอนขอคือ ขอให้เจ้าหน้าที่จับคนร้ายให้ได้ พร้อมตั้งคำถามว่า มาถึงวันนี้ครบ 1 ปีพอดี

คดีที่เงียบหายไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังทำงานอยู่หรือไม่ เพราะทางครอบครัวเชื่อว่าถ้าเจ้าหน้าที่ทำงานจริงคงไม่เป็นอย่างนี้ จะต้องมีความคืบหน้าของคดีบ้าง หมายความว่าลูกสาวจะต้องตายฟรีใช่หรือไม่  ทำไมคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้น และบางคดีซับซ้อนกว่ากันมาก เจ้าหน้าที่คลี่คลายได้ 

รวมทั้งคดีอุ้มฆ่าไปเผาศพ หรือฝังดินถึงบริเวณชายแดน เจ้าหน้าที่ยังติดตามจับกุมคนร้ายได้ แล้วคดีน้องสาเกิดขึ้นภายในสวนยาง หมู่ที่ 1 ต.เขาไพร อ.รัษฎา พื้นที่ก็ไม่ได้กว้างใหญ่ ทำไมเจ้าหน้าที่สืบสวนจับกุมคนร้ายไม่ได้  เจ้าหน้าที่ไม่มีน้ำยาเลยหรือ ครอบครัวยังรอคอยตลอดเวลา รอเจ้าหน้าที่ทำงานติดตามคนร้ายให้ได้  ซึ่งเคยถามเจ้าหน้าที่ว่าทำไมยังจับคนร้ายไม่ได้  ได้รับคำตอบว่าไม่มีพยาน  ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วถ้าชาวบ้านไม่พึ่งเจ้าหน้าที่ แล้วชาวบ้านจะพึ่งใคร 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560  เคยไปร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แต่ตอนนี้ก็เงียบหายไปเช่นกัน เข้าใจว่าทางมูลนิธิฯ คงมีเรื่องมากมาย  หลังเกิดเหตุได้รับการเยียวยาจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดตรังมาจำนวน 110,000 บาท ก็เอาเงินมาเป็นค่าจัดการงานศพของน้องสา  เหลือเงินประมาณ 50,000 บาท ได้นำไปฝากธนาคารไว้ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับหลาน (ลูกของน้องสาทั้ง 2 คน ) 

ทั้งนี้ ทางครอบครัวเตรียมจะทำบุญครบรอบ 1 ปี การตายของน้องสาในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจะเดินหน้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวต่อไป อีกทั้งจะไปร้องขอให้กองปราบปรามลงมาทำคดีใหม่ และร้องเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เพื่อให้ช่วยเร่งระดมติดตามคดีให้ด้วย เพราะพวกตนเป็นชาวบ้าน ไม่ทราบจะไปพึ่งใครแล้ว กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม 

ทางด้านนายเจียน  ตาของผู้ตาย    กล่าวว่า  ครอบครัวสงสัยทำไมคดีอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายได้ แม้กาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่คดีนี้ทำไมจับไม่ได้ ทั้งๆ ที่คดีเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ และทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยส่งข่าวให้ได้รับทราบว่า เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนตัวเป็นห่วงลูก หลานมาก แต่ไม่ทราบจะทำอย่างไร ได้แต่ปลงว่า หากอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดขึ้นกับบุญกรรมที่ทำกันไว้ เพราะพึ่งพาเจ้าหน้าที่ไม่ได้เลย