“แท็กซี่ – วินมอเตอร์ไซค์ – รถแดง” ปะทะ “Grab” ใครคือผู้เสียประโยชน์ที่แท้จริง

“แท็กซี่ – วินมอเตอร์ไซค์ – รถแดง” ปะทะ “Grab” ใครคือผู้เสียประโยชน์ที่แท้จริง

“แท็กซี่ – วินมอเตอร์ไซค์ – รถแดง” ปะทะ “Grab” ใครคือผู้เสียประโยชน์ที่แท้จริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิวาทะระหว่าง Grab กับการขนส่งมวลชนแบบเดิม อย่างแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นคิวของวินมอเตอร์ไซค์ ที่ยกขบวนไปล้อมสำนักงานบริษัทแกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสาร “Grab” โดยแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้ GrabBike หยุดนำรถจักรยานยนต์ที่มีป้ายทะเบียนสีขาวมารับส่งผู้โดยสาร เนื่องจากเป็นการทำผิดกฎหมาย

>> เดือดวินมอเตอร์ไซค์ ประท้วง แกร็บไบค์ แย่งรับคน
>> "Grab" ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีวินมอเตอร์ไซค์ร้องเรียนถูกแย่งผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิวาทะครั้งแรกระหว่าง Grab กับการขนส่งมวลชนแบบดั้งเดิม เพราะหลายปีที่ผ่านมา ก็เกิดดราม่าระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีแท็กซี่รวมตัวยื่นเรื่องต่อกระทรวงคมนาคมให้ จัดการ Uber และ GrabCar อย่างเด็ดขาด พร้อมบล็อกช่องทางบนโซเชียลมีเดีย ไม่ให้มีการประชาสัมพันธ์ หรือเหตุการณ์แท็กซี่พัทยายกพวกล้อมรถ Uber และไล่นักท่องเที่ยวลงจากรถ รวมทั้งกลุ่มรถแดงเชียงใหม่ที่จัดทีมเฉพาะกิจ ล่า Uber และ GrabCar เพื่อส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย

เหตุผลที่พี่ๆ เขาให้มาตลอด ก็คือแอพฯ พวกนี้ทำผิดกฎหมาย แย่งอาชีพของคนไทย ทำให้รายได้รั่วไหลไปสู่บริษัทต่างชาติ ซึ่งก็ดูเหมือนจะมากพอที่พวกเขาจะออกมาแสดงบทบาท “ผู้พิทักษ์” ด้วยวิธีการสุดสตรอง อย่างการยกพวกไปข่มขู่และทำร้ายร่างกายคู่กรณี เมื่อเห็นว่ามีผู้โดยสาร “ปันใจ” ไปใช้แอพฯ โดยลืมไปว่าที่ผ่านมา รถโดยสารทั้งแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถแดง ก็เคยทำผิดกฎหมาย และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้โดยสารเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขับบนฟุตปาธ ฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร เรียกค่าโดยสารแพงเกินจริง บางรายขับรถขณะเมาสุรา พร้อมลีลาปาดหน้า ฉวัดเฉวียนแซงซ้ายขวา แท็กซี่ที่อ้างว่าต้องส่งรถหรือเติมแก๊ส เมื่อผู้โดยสารขอให้ไปส่งในสถานที่ไกลๆ บ้างก็พาอ้อม พาหลงทาง และจะเล่นตัวมากขึ้น เมื่อฝนตกหนักและน้ำท่วม รวมทั้งคิดราคาเหมาเมื่อสบโอกาส ด้านรถแดงเองก็บันเทิงไม่แพ้กัน เพราะถ้าใครอู้กำเมืองไม่ได้ เป็นได้โดนฟันค่าโดยสารที่แพงเกินจริง กิริยาที่ไม่สุภาพ และไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร

ทว่าเมื่อมี Grab หรือ Uber ผู้โดยสารที่ไม่เคยมีทางเลือกมาก่อน ก็เหมือนเห็นทางสว่าง เพราะแอพฯ เหล่านี้ได้เสนอการบริการที่สะดวกสบายและราคาที่ยุติธรรมกว่าเดิม ส่งผลให้การขนส่งแบบเดิมเหล่านี้ร้อนใจ ต้องออกมาใช้ “กฎหมู่” ทำให้เราได้เห็นวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ข่มขู่และทำร้ายร่างกาย GrabBike อยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าทาง GrabBike จะมีบริการ GrabBike (Win) ที่ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มีเสื้อวินมาใช้แอพฯ ในการรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งถูกกฎหมายแน่ๆ แต่ก็ยังไม่วายมีการทำร้ายร่างกายกัน เนื่องจาก GrabBike (Win) นั้น ให้บริการข้ามถิ่น

คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิดจริงๆ นะเนี่ย

สำหรับกรณีล่าสุดนี้ จริงอยู่ที่การเอาพาหนะที่มีป้ายสีขาวมาหารายได้โดยการรับส่งผู้โดยสารนั้นผิดกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรลงมาจัดการ หรือทำให้ถูกกฎหมาย แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสมการเลย ไม่ว่าจะกรณีนี้หรือที่ผ่านมาก็คือ “ผลประโยชน์ของผู้โดยสาร” เพราะตั้งแต่เริ่มมีดราม่าจนกระทั่งทุกวันนี้ ยังไม่มีใครบอกได้ว่าการขนส่งแบบเดิมนี้ดีต่อใจผู้โดยสารมากกว่า Grab อย่างไร ในขณะที่การบริการที่สะดวกสบาย สุภาพ ปลอดภัย และราคาที่เหมาะสม กลับกลายเป็นข้อดีที่เอาชนะใจคนส่วนใหญ่ไปแล้ว ก็เหมือนผู้ชายที่ทำร้ายแฟนบ่อยๆ พอวันหนึ่งมีคนที่ดีกว่าเข้ามา แล้วฝ่ายหญิงก็เลือกคนใหม่ เพราะดีกว่าคนเก่านั่นแหละ

เมื่อธุรกิจยุคนี้แข่งขันกันที่คุณภาพ จะดีกว่าไหม หากแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถแดง หันมามองข้อผิดพลาดของตัวเองสักนิด พิจารณาว่าทำไมจึงเสียลูกค้า รวมทั้งแคร์ความปลอดภัยของผู้โดยสารที่จ่ายเงินรับบริการของคุณ ไม่ได้ขอโดยสารฟรี เพราะไม่ใช่แค่คุณที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว แต่บรรดาผู้โดยสารก็ไม่ต่างกัน

และหากจะอ้างว่า Grab ทำให้คนทำมาหากินอย่างคุณสูญเสียรายได้ แต่ความยากจนไม่ได้เป็นเหตุผลที่คุณจะทำร้ายใคร ขณะเดียวกัน การที่ใครคนหนึ่งทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะสามารถทำร้ายร่างกายเขาได้เช่นกัน การข่มขู่และทำร้ายร่างกายอาจทำให้คู่กรณีของคุณเข็ดหลาบ ไม่มาล้ำเส้นในถิ่นคุณ แต่เชื่อเถอะว่า ความรุนแรงไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับใครหรอก สุดท้ายแล้ว คุณและคู่กรณีก็จะเสียเวลา ถูกดำเนินคดี และผู้โดยสารก็ยังคงไม่ได้รับบริการที่ดีจากเงินที่จ่ายไปอยู่ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook