สนธิ ลิ้มทองกุลย้ายออกจากรพ.วชิระแล้ว

สนธิ ลิ้มทองกุลย้ายออกจากรพ.วชิระแล้ว

สนธิ ลิ้มทองกุลย้ายออกจากรพ.วชิระแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกถล่มยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงเช้าของวันนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวชิระจนปลอดภัย ล่าสุดได้ย้ายออกจาก รพ.ดังกล่าวแล้วเพื่อความปลอดภัยและเพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้ทราบ

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 เม.ย. มีรายงานข่าวว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ย้ายออกจากโรงพยาบาลวชิระแล้ว ซึ่งได้รับคำยืนยันจากผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลว่า นายสนธิมีความประสงค์ที่จะย้ายออกจากโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย และเพื่อความเป็นส่วนตัว เนื่องจากไม่อยากให้ใครทราบ

โรงพยาบาลจึงได้อำนวยความสะดวกในการนำส่งโรงพยาบาลอื่นๆ และไม่ให้สื่อมวลชนรับทราบ ขณะที่ญาติและคนใกล้ชิดซึ่งติดตามนายสนธิได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วเช่นกัน ส่วนจะย้ายไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลใดนั้นไม่มีการเปิดเผย เพราะไม่ต้องการสื่อและสาธารณชนรับทราบ

สวนดุสิตโพลชี้กลุ่มเสื้อแดงควบคุมอารมณ์ไม่ได้-ขาดสติ

สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,287 คน ระหว่างวันที่ 15-17 เมษายน 2552 เกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยเปรียบเทียบจุดเด่น-ด้อยระหว่าง "กลุ่มคนเสื้อแดง" กับ "รัฐบาล" ซึ่งพบว่า จุดเด่นของกลุ่มเสื้อแดงคือมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก การชุมนุมแบ่งเป็นหลายจุด และชุมนุมได้ต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่จุดด้อย คือ การสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ควรใช้วิธีข่มขู่ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน กรณีนำรถแก๊สมาจอดในย่านชุมชน และข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง

ผลสำรวจยังพบว่า ปัญหาและอุปสรรคของกลุ่มเสื้อแดง คือ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ขาดสติ ไม่สามารถควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมในแต่ละจุดได้ ไม่มีการวางแผน เตรียมการที่ดี และมีมือที่สาม/ผู้ไม่หวังดีเข้ามาป่วน ส่วนที่เป็นโอกาส ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ทำให้มีบทเรียนจากความผิดพลาดที่ผ่านมา อาจมีการรวมตัวและชุมนุมเกิดขึ้นอีก จึงต้องเพิ่มความรัดกุมมากขึ้น

ทั้งนี้ ในส่วนของจุดเด่นของรัฐบาล พบว่ามีการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ใช้กฎหมายดำเนินการอย่างเคร่งครัด มีการสูญเสียชีวิตน้อย และได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ขณะที่จุดด้อยของรัฐบาล เห็นว่าการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น การประเมินสถานการณ์ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และใช้กำลังทหารเข้าผลักดันการชุมนุมเร็วเกินไป

ผลสำรวจดังกล่าวมองปัญหาและอุปสรรคในส่วนของการทำงานของรัฐบาลว่า กลัวประชาชนได้รับอันตรายและบาดเจ็บ มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายจุด ทำให้ยากแก่การควบคุมและปราบปราม รวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ส่วนที่เป็นโอกาส ประชาชนมองว่า เป็นบทเรียนที่ดี/มีประสบการณ์ในการแก้ไขสถานการณ์มากขึ้น ทำให้การประท้วงต่าง ๆ ลดน้อยลง สร้างความมั่นใจให้ต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น และรัฐบาลอาจจะมีอายุยาวนานขึ้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook