"โจอี้ บาซู" ใจสู้สุดฤทธิ์จนได้กลับบ้าน หลังป่วยสมองตีบ ซีกขวาเป็นอัมพาต

"โจอี้ บาซู" ใจสู้สุดฤทธิ์จนได้กลับบ้าน หลังป่วยสมองตีบ ซีกขวาเป็นอัมพาต

"โจอี้ บาซู" ใจสู้สุดฤทธิ์จนได้กลับบ้าน หลังป่วยสมองตีบ ซีกขวาเป็นอัมพาต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สืบเนื่องจากที่ "นายศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต" หรือ "โจอี้ บาซู" วัย 49 ปี ได้เข้าร้บการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ด้วยอาการสมองขาดเลือด จากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ส่งผลให้แขนขวาซีกด้านขวาอ่อนแรง และสื่อสารได้ไม่ชัดเจน โดยคณะแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้ทำการรักษาและฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัด และให้ยาฆ่าเชื้อ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา จนกระทั่งคนไข้มีอาการดีขึ้นตามลำดับ

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.05 น. วันนี้ (24 พ.ค.) คณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งนำโดย "พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค" ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯ พร้อมทีมแพทย์ผู้รักษา "นายแพทย์เกรียงไกร ถวิลไพร" แพทย์เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อ และ "แพทย์หญิง ธนิศรา เรืองพัฒนาวิวัฒน์" แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู พร้อม "โจอี้ บาซู" ได้เดินทางมาถึงยังหอประชุมโรงเรียนนักอัลตราซาวด์การแพทย์ อาคารศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์ เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการป่วยของนักร้องหนุ่ม ซึ่งในขณะนี้คณะแพทย์ได้ประมาณอาการและวางแผนให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้

นายแพทย์สันติ : “วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณโจอี้ บาซู หลังจากที่เคยให้ข่าวไปครั้งแรกแล้ว แล้วว่ามีอาการเป็นอย่างไร และในวันนี้ก็เป็นวันที่รู้สึกได้ถึงความสดใส รวมถึงความกังวลก็ได้หมดไปแล้ว จากนี้เราก็เหลือแค่แผนการดูแลคนไข้ต่อก็เท่านั้นเอง”

นายแพทย์สันติ : “เรารับคนไข้มาตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ด้วยอาการแขนขาอ่อนแรง พูดจาสื่อสารไม่ได้ ปัจจุบันตอนนี้คนไข้ อาการดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการวางแผนการรักษาตอนนี้เราไม่ได้มองแค่จะรักษาอย่างเดียว แต่เรามองถึงการฟื้นฟูในอนาคต ที่เราร่วมมือกับทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู เพียงแต่ทางเราได้วางแผนในส่วนของตัวเราไว้หมดแล้ว ว่าจะรักษาคนไข้อย่างไร นับตั้งแต่วันที่ให้ออกจากโรงพยาบาล”

นายแพทย์สันติ : “การที่เราออกมาให้ข่าววันนี้ ก็เป็นเหมือนการออกมาบอกว่าเราได้จบการรักษา ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สำหรับอาการทางสมอง ตอนนี้ถือว่าหยุดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอาการแทรกซ้อน มีแต่จะดีขึ้น เหลือแค่รอการฟื้นฟู”

แพทย์หญิงธนิศรา : “เบื้องต้นตอนนี้คนไข้สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองง่ายๆ ในการทำกิจวัตรประจำวัน และในเรื่องของการทานอาหารที่ตอนแรกไม่สามารถทานเองทางปากได แต่ตอนนี้สามารถทานได้ตามปกติแล้ว ส่วนเรื่องการสื่อสารเองก็เช่นกัน เพราะคนไข้เข้าใจเกือบทุกอย่างเลย เพียงแต่ว่าการพูดหรือการอธิบายอาจจะไม่เก่งนัก เนื่องจากยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและฟื้นฟู ขณะที่การช่วยเหลือตัวเอง คนไข้สามารถ ลุกขึ้น นั่ง ยืน หรือย้ายขึ้นลงเก้าอี้ได้ดี เพียงแต่การเดินอาจจะฝึกยากหน่อย เพราะคนไข้เป็นคนตัวใหญ่ ดังนั้นต้องฝึกฝนต่อไป แต่ถามว่าจะสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติไหม เอ่อ...โดยแนวโน้มเราต้องรอการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อจริงๆ ถ้าหากกล้ามเนื้อมามากขึ้น ก็อาจจะสามารถเดินได้ดีขึ้นค่ะ แค่เรายังไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่”

มีเรื่องไหนที่ควรดูแลเป็นพิเศษไหม เกี่ยวกับการดูแลคนไข้ ?
แพทย์หญิงธนิศรา : “เนื่องจากแผนการรักษาหลังจากนี้ คนไข้จะไปอยู่ในสถานดูแลพักฟื้นทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ดังนั้นก็จะมีทีมที่ดูแลคนไข้ต่อจากนี้เยอะมาก ทั้งทีมกายภาพบำบัดนักฝึกฝนฟื้นฟู และเรื่องของการฝึกพูด ดังนั้นเบื้องต้นจึงไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนทางด้านหารที่คนไข้จะกลับไปอยู่ที่บ้าน คนไข้ก็อาจจะต้องฝึกฝนทักษะที่ทางโรงพยาบาลได้สอนไป เพื่อให้ไม่มีการถดถอย ดังนั้นถ้าจะถามว่าคนไข้จะดีขึ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ เราไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับความสามารถในการดูแลของทางบ้าน และการฟื้นฟูของคนไข้”

คณะแพทย์พึงพอใจแค่ไหนกับการรักษาครั้งนี้ ?
แพทย์หญิงธนิศรา : “ช่วง 2 สัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาล คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วมาก และ ณ ตอนนี้ก็ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรเลย”

นายแพทย์เกรียงไกร : “ถึงแม้ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลคนไข้จะมีอาการปอดอักเสบ แต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ รวมถึงอาการถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง รวมถึงอาการติดเชื้อ แต่อาจจะมีแค่เรื่องของการกินและการกลืนที่ต้องระวัง“

โจอี้ : “คุณหมอบอกว่าตอนนี้ผมเริ่มดีขึ้น ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง มันอธิบายยาก”

แพทย์หญิงธนิศรา : “คนไข้อาจจะยังไม่สามารถอธิบายได้ทุกอย่างตามที่คิดและอยากจะพูดออกมา เพราะเรื่องของการประกอบคำพูดยังไม่เต็มร้อย แต่เรื่องของความเข้าใจคนไข้เข้าใจดี คนไข้เรียนรู้ได้ดี แต่ยังยากที่จะพูด เมื่อกี้เขาบอกว่ามีหลายอย่างที่อยากอธิบาย แต่ยากที่จะพูด เพราะคนไข้ยังมีปัญหาในการเรียบเรียงคำพูด เพราะตอนแรกที่มาเขาพูดไม่ได้เลย และไม่เข้าใจด้วย แต่ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแต่ยังเรียบเรียงคำพูดยาก เหตุเกิดจากตัวโรคหลอดเลือกสมองที่เสียหายในส่วนการควบคุมเรื่องการพูด”

โจอี้ บอย พร้อมแพทย์ แถลงข่าวหลังอาการดีขึ้น

โจอี้รู้สึกยังไงที่ได้กลับบ้านแล้ว ?
โจอี้ : “ก็ ยินดี ดีใจ ผมเองยังไม่มีแรง”

พูดคุยกับญาติเรื่องการดูแลคนไข้ยังไงบ้าง ?
นายแพทย์สันติ : “เราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะรับช่วงต่อจากเราไป ทุกอย่างวางแผนและเตรียมการไว้แล้ว หลังจากนี้คนไข้ต้องเข้ามาตรวจบ้างเป็นปกติ และจะมีหน่วยเยี่ยมบ้านด้วย ถามว่ากลัวคนไข้เครียดไหม ก็บอกเขาว่าต้องหนักแน่น เพราะเมื่อก่อนหนักกว่านี้เยอะ”

แสดงว่าตอนนี้โจอี้สบายใจแล้ว ?
โจอี้ : “ก็ไม่มีอะไร มีแต่จะดีขึ้น”

ที่เพื่อน ๆ จะจัดคอนเสิร์ตเราทราบไหม ?
โจอี้ : “ครับ ผมก็อยากจะขอบคุณทุกคน ทั้งสื่อมวลชนและโรงพยาบาลนี้”

เรื่องคดีความล่ะ ?
โจอี้ : “เรื่องเก่ามันจบไปแล้ว มีแต่จะทำตัวให้ดีขึ้นครับ”

สู้ใช่ไหมโจอี้ ?
โจอี้ : “ครับ(ยิ้ม)”

เรื่องค่าใช้จ่าย อยู่ในสิทธิ์ 30 บาทใช่ไหม ?
นายแพทย์สันติ : “ค่าใช้จ่ายอยู่ใน 30 บาท ซึ่งโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาส่งมาให้ ก็มีส่วนเกินบ้าง ซึ่งคุณเบน (เพื่อนสนิทโจอี้บาซู) เป็นผู้ผิดชอบไปเรียบร้อยครับ”

"โจอี้ บาซู" เส้นเลือดในสมองตีบ ป่วยอัมพาตซีกขวาหยุดนิ่ง แพทย์ชี้หายเป็นปกติยาก

ทีมแพทย์เผยอาการ "โจอี้ บาซู" พบสมองซีกซ้ายตาย คนไข้ยังรู้สึกตัว อาการทั่วไปคงที่

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ "โจอี้ บาซู" ใจสู้สุดฤทธิ์จนได้กลับบ้าน หลังป่วยสมองตีบ ซีกขวาเป็นอัมพาต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook