"โจอี้ บาซู" ใจสู้สุดฤทธิ์จนได้กลับบ้าน หลังป่วยสมองตีบ ซีกขวาเป็นอัมพาต
สืบเนื่องจากที่ "นายศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต" หรือ "โจอี้ บาซู" วัย 49 ปี ได้เข้าร้บการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2561 ด้วยอาการสมองขาดเลือด จากภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ส่งผลให้แขนขวาซีกด้านขวาอ่อนแรง และสื่อสารได้ไม่ชัดเจน โดยคณะแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้ทำการรักษาและฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัด และให้ยาฆ่าเชื้อ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา จนกระทั่งคนไข้มีอาการดีขึ้นตามลำดับ
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.05 น. วันนี้ (24 พ.ค.) คณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งนำโดย "พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค" ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯ พร้อมทีมแพทย์ผู้รักษา "นายแพทย์เกรียงไกร ถวิลไพร" แพทย์เฉพาะทางด้านโรคติดเชื้อ และ "แพทย์หญิง ธนิศรา เรืองพัฒนาวิวัฒน์" แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู พร้อม "โจอี้ บาซู" ได้เดินทางมาถึงยังหอประชุมโรงเรียนนักอัลตราซาวด์การแพทย์ อาคารศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์ เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการป่วยของนักร้องหนุ่ม ซึ่งในขณะนี้คณะแพทย์ได้ประมาณอาการและวางแผนให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้
นายแพทย์สันติ : “วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณโจอี้ บาซู หลังจากที่เคยให้ข่าวไปครั้งแรกแล้ว แล้วว่ามีอาการเป็นอย่างไร และในวันนี้ก็เป็นวันที่รู้สึกได้ถึงความสดใส รวมถึงความกังวลก็ได้หมดไปแล้ว จากนี้เราก็เหลือแค่แผนการดูแลคนไข้ต่อก็เท่านั้นเอง”
นายแพทย์สันติ : “เรารับคนไข้มาตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ด้วยอาการแขนขาอ่อนแรง พูดจาสื่อสารไม่ได้ ปัจจุบันตอนนี้คนไข้ อาการดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการวางแผนการรักษาตอนนี้เราไม่ได้มองแค่จะรักษาอย่างเดียว แต่เรามองถึงการฟื้นฟูในอนาคต ที่เราร่วมมือกับทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู เพียงแต่ทางเราได้วางแผนในส่วนของตัวเราไว้หมดแล้ว ว่าจะรักษาคนไข้อย่างไร นับตั้งแต่วันที่ให้ออกจากโรงพยาบาล”
นายแพทย์สันติ : “การที่เราออกมาให้ข่าววันนี้ ก็เป็นเหมือนการออกมาบอกว่าเราได้จบการรักษา ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สำหรับอาการทางสมอง ตอนนี้ถือว่าหยุดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอาการแทรกซ้อน มีแต่จะดีขึ้น เหลือแค่รอการฟื้นฟู”
แพทย์หญิงธนิศรา : “เบื้องต้นตอนนี้คนไข้สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองง่ายๆ ในการทำกิจวัตรประจำวัน และในเรื่องของการทานอาหารที่ตอนแรกไม่สามารถทานเองทางปากได แต่ตอนนี้สามารถทานได้ตามปกติแล้ว ส่วนเรื่องการสื่อสารเองก็เช่นกัน เพราะคนไข้เข้าใจเกือบทุกอย่างเลย เพียงแต่ว่าการพูดหรือการอธิบายอาจจะไม่เก่งนัก เนื่องจากยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและฟื้นฟู ขณะที่การช่วยเหลือตัวเอง คนไข้สามารถ ลุกขึ้น นั่ง ยืน หรือย้ายขึ้นลงเก้าอี้ได้ดี เพียงแต่การเดินอาจจะฝึกยากหน่อย เพราะคนไข้เป็นคนตัวใหญ่ ดังนั้นต้องฝึกฝนต่อไป แต่ถามว่าจะสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติไหม เอ่อ...โดยแนวโน้มเราต้องรอการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อจริงๆ ถ้าหากกล้ามเนื้อมามากขึ้น ก็อาจจะสามารถเดินได้ดีขึ้นค่ะ แค่เรายังไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่”
มีเรื่องไหนที่ควรดูแลเป็นพิเศษไหม เกี่ยวกับการดูแลคนไข้ ?
แพทย์หญิงธนิศรา : “เนื่องจากแผนการรักษาหลังจากนี้ คนไข้จะไปอยู่ในสถานดูแลพักฟื้นทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ดังนั้นก็จะมีทีมที่ดูแลคนไข้ต่อจากนี้เยอะมาก ทั้งทีมกายภาพบำบัดนักฝึกฝนฟื้นฟู และเรื่องของการฝึกพูด ดังนั้นเบื้องต้นจึงไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนทางด้านหารที่คนไข้จะกลับไปอยู่ที่บ้าน คนไข้ก็อาจจะต้องฝึกฝนทักษะที่ทางโรงพยาบาลได้สอนไป เพื่อให้ไม่มีการถดถอย ดังนั้นถ้าจะถามว่าคนไข้จะดีขึ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ เราไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับความสามารถในการดูแลของทางบ้าน และการฟื้นฟูของคนไข้”
คณะแพทย์พึงพอใจแค่ไหนกับการรักษาครั้งนี้ ?
แพทย์หญิงธนิศรา : “ช่วง 2 สัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาล คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วมาก และ ณ ตอนนี้ก็ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรเลย”
นายแพทย์เกรียงไกร : “ถึงแม้ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลคนไข้จะมีอาการปอดอักเสบ แต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ รวมถึงอาการถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง รวมถึงอาการติดเชื้อ แต่อาจจะมีแค่เรื่องของการกินและการกลืนที่ต้องระวัง“
โจอี้ : “คุณหมอบอกว่าตอนนี้ผมเริ่มดีขึ้น ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง มันอธิบายยาก”
แพทย์หญิงธนิศรา : “คนไข้อาจจะยังไม่สามารถอธิบายได้ทุกอย่างตามที่คิดและอยากจะพูดออกมา เพราะเรื่องของการประกอบคำพูดยังไม่เต็มร้อย แต่เรื่องของความเข้าใจคนไข้เข้าใจดี คนไข้เรียนรู้ได้ดี แต่ยังยากที่จะพูด เมื่อกี้เขาบอกว่ามีหลายอย่างที่อยากอธิบาย แต่ยากที่จะพูด เพราะคนไข้ยังมีปัญหาในการเรียบเรียงคำพูด เพราะตอนแรกที่มาเขาพูดไม่ได้เลย และไม่เข้าใจด้วย แต่ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแต่ยังเรียบเรียงคำพูดยาก เหตุเกิดจากตัวโรคหลอดเลือกสมองที่เสียหายในส่วนการควบคุมเรื่องการพูด”
โจอี้รู้สึกยังไงที่ได้กลับบ้านแล้ว ?
โจอี้ : “ก็ ยินดี ดีใจ ผมเองยังไม่มีแรง”
พูดคุยกับญาติเรื่องการดูแลคนไข้ยังไงบ้าง ?
นายแพทย์สันติ : “เราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะรับช่วงต่อจากเราไป ทุกอย่างวางแผนและเตรียมการไว้แล้ว หลังจากนี้คนไข้ต้องเข้ามาตรวจบ้างเป็นปกติ และจะมีหน่วยเยี่ยมบ้านด้วย ถามว่ากลัวคนไข้เครียดไหม ก็บอกเขาว่าต้องหนักแน่น เพราะเมื่อก่อนหนักกว่านี้เยอะ”
แสดงว่าตอนนี้โจอี้สบายใจแล้ว ?
โจอี้ : “ก็ไม่มีอะไร มีแต่จะดีขึ้น”
ที่เพื่อน ๆ จะจัดคอนเสิร์ตเราทราบไหม ?
โจอี้ : “ครับ ผมก็อยากจะขอบคุณทุกคน ทั้งสื่อมวลชนและโรงพยาบาลนี้”
เรื่องคดีความล่ะ ?
โจอี้ : “เรื่องเก่ามันจบไปแล้ว มีแต่จะทำตัวให้ดีขึ้นครับ”
สู้ใช่ไหมโจอี้ ?
โจอี้ : “ครับ(ยิ้ม)”
เรื่องค่าใช้จ่าย อยู่ในสิทธิ์ 30 บาทใช่ไหม ?
นายแพทย์สันติ : “ค่าใช้จ่ายอยู่ใน 30 บาท ซึ่งโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาส่งมาให้ ก็มีส่วนเกินบ้าง ซึ่งคุณเบน (เพื่อนสนิทโจอี้บาซู) เป็นผู้ผิดชอบไปเรียบร้อยครับ”
"โจอี้ บาซู" เส้นเลือดในสมองตีบ ป่วยอัมพาตซีกขวาหยุดนิ่ง แพทย์ชี้หายเป็นปกติยาก
ทีมแพทย์เผยอาการ "โจอี้ บาซู" พบสมองซีกซ้ายตาย คนไข้ยังรู้สึกตัว อาการทั่วไปคงที่
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ