พ่อแม่ได้รับชัยชนะ หลังฟ้องร้องลูกชายวัย 30 ไม่ย้ายออกจากบ้าน

คดีนี้สะท้านไปทั้งเมือง พ่อแม่ฟ้องศาลขอให้ช่วยเหลือ หลังลูกชายวัย 30 ปี อยู่กินมาตั้งแต่เกิด ไม่ยอมย้ายออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง แบบที่ควรจะเป็น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เรื่องราวเล็กน้อยที่ไม่คาดคิดว่าจะกลายมาเป็นคดีความอันน่าปวดหัว เมื่อพ่อแม่ของชายหนุ่มวัย 30 ปี ตัดสินใจใช้กฎหมายเข้ามาเคลียร์ปัญหาระหว่างครอบครัว เนื่องจากลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วของพวกเขา ไม่คิดที่จะย้ายออกจากบ้านไปใช้ชีวิตเองแบบที่ควรจะเป็น

ชายหนุ่มวัย 30 ปีที่ชื่อว่า "ไมเคิล" ถูกพ่อแม่ของตัวเองฟ้องร้องต่อศาล เพื่อหาข้อสรุปและช่วยแก้ปัญหาภายในครอบครัว หลังพวกเขาพยายามมาหลายปี เพื่อที่จะให้ลูกชายที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ได้ย้ายออกจากบ้าน เพื่อไปก่อร่างสร้างชีวิตของตัวเอง

พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ที่คามิลลัส เมืองเล็กๆ แถบชานเมืองรัฐนิวยอร์ก ทนายความได้รับแจ้งร้องทุกข์จากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ต้องการตัวช่วยหาบทสรุปของปัญหาภายในครอบครัว เพราะพวกเขาต้องการให้ลูกชายย้ายออกจากบ้าน

ตามแนวคิดของพ่อแม่ทั่วไปที่มักวาดฝันเห็นลูกเติบใหญ่และออกไปมีชีวิตของตัว สร้างครอบครัวและมีลูกๆ ของพวกเขา แต่กลับไม่ได้เกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้ ด้วยความพยายามอยู่หลายปีเพียงให้ ไมเคิล ย้ายออกไปอยู่เอง แต่เขาก็ยังดื้อดึงไม่ยอมย้ายออกไปง่ายๆ เพราะเขายังปรารถนาที่จะอยู่กับพ่อแม่และเลี้ยงดูพวกเขา

แม้กระทั่งพ่อแม่ได้ใช้เหตุผล 5 ประการที่ผลักดันให้ลูกชายย้ายออก หนึ่งในนั้นคือพวกเขาอยากให้ลูกชายได้มีงานทำและหาเลี้ยงตัวเองเสียบ้าง รวมทั้งเสนอให้เงินราวๆ 35,000 บาท เพื่อนำไปตั้งต้นใช้ชีวิตเอง แต่ ไมเคิล ก็ได้ปฏิเสธทุกข้อเสนอ ทำให้เรื่องราวต้องถูกดำเนินการไปถึงศาล

ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ศาลท้องถิ่นได้นัดพิจารณาหาข้อสรุปในเรื่องนี้ โดยทนายความฝ่ายพ่อแม่ของไมเคิล ระบุว่า ไมเคิลได้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่อายุ 21 ปี ครอบครัวก็มีสิทธิ์ที่จะเชิญให้เขาออกบ้านได้ เนื่องจากกรรมสิทธิ์นั้นเป็นของเจ้าของบ้านอยู่แล้ว

ขณะที่ ไมเคิล ก็ได้ขึ้นแก้ต่างว่า เขาไม่ได้เป็นภาระใดๆ ให้กับพ่อแม่ เขาไม่ใช้ให้พ่อแม่ซักผ้าหรือทำอาหารให้ เพียงแต่พวกเขาต้องการหาเรื่องกดดันต่างๆ เพื่อจะขับไล่ออกจากบ้านที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิดเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ตัดสินและเสนอให้ ไมเคิล ย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ เนื่องจากพิจารณาดูในหลายปัจจัย พบว่าเขาเป็นภาระให้กับพ่อแม่มากกว่า แต่กรณีนี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่จบ เพราะลูกชายของบ้านนี้เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ต่อไป