โจรมืออาชีพ ตัดสัญญาณรีโมทรถสาวนักธุรกิจ ก่อนฉกทรัพย์สินสูญกว่าแสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีเฟซบุ๊กชื่อ Salisa Boonkerd โพสต์ระบุข้อความเตือนภัยว่า “เพื่อน ๆ คะ ... คันสีขาวคือรถเราเองค่ะ ส่วน ผช เสื้อสีเทาคือคนร้ายที่มาขโมยทรัพย์สินในรถเรา...รถคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุคือ รถ Isuzu ดีแม็ก 4 ประตู ใส่หลังคาแครี่บอยด้านหลัง ใส่ล้อแม็ก ทะเบียน ฎพ 9713 กทม.... ใครพบเห็น รถคันนี้ รบกวนช่วยส่งข่าวด้วยนะคะ... ที่เกิดเหตุคือ รร.เอกชนย่านลำลูกกา ค่ะ ในบริเวณ รร. เลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ” พร้อมทั้งโพสต์คลิปภาพจากกล้องหน้ารถและมุมภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน เห็นพฤติกรรมในการก่อเหตุของคนร้าย
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับผู้เสียหายและเดินทางไปที่บ้านย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งได้พบกับ นางศลิษา อายุ 41 ปี สาวนักธุรกิจขายอะไหล่แอร์รถยนต์ และเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ฟอจูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กส 7537 กทม. แจ้งว่าถูกก่อเหตุเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 เวลาประมาณ 14.30 น. พร้อมทั้งได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนและภาพจากกล้องหน้ารถของผู้ปกครอง นำมาให้ดูพฤติกรรมของคนร้ายจากกล้องหน้ารถของผู้ปกครองที่จับภาพได้อย่างชัดเจน
พบว่าคนร้ายทำทีเดินมาข้างรถของผู้เสียหายฝั่งซ้ายของรถ จากนั้นยืนมองผ่านกระจกรถ สักพักก็เปิดประตูรถฝั่งที่นั่งฝั่งซ้าย ทำทีคล้ายเป็นเจ้าของรถ และหยิบขโมยทรัพย์สินที่วางไว้ที่เบาะนั่งด้านหน้าไป โดยใช้เวลาในการเปิดหยิบของประมาณ 15 วินาที จากนั้นก็เดินออกไปจากตัวรถอย่างนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่เป็นที่สะดุดตากับผู้คนที่อยู่ในละแวกดังกล่าว
ส่วนกล้องวงจรปิดของโรงเรียน สามารถจับภาพรถของคนร้าย ซึ่งเป็นรถกระบะสีฟ้าเข้ม ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู รุ่นดีแม็ก หมายเลขทะเบียน ฎพ 9713 กทม. ขับวนเข้ามาภายในที่จอดรถของโรงเรียน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถของผู้เสียหายเข้ามาจอดรถพอดี จากนั้นคนร้ายได้ขับเลยไปจอด ห่างจากรถของผู้เสียหายประมาณ 20 เมตรเท่านั้น จากนั้นได้ลงจากรถแล้วเดินวนไปมาหลายครั้ง ใกล้กับรถของผู้เสียหาย และเดินกลับไปที่รถไปหยิบกระดาษทิชชูมาด้วย
โดยพบพฤติกรรมคนร้ายทำทีคุยโทรศัพท์ด้วยมือซ้าย และใช้มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงตลอดเวลา หลังจากผู้เสียหายลงจากรถเพื่อไปรับลูกภายในโรงเรียน คนร้ายที่ก่อเหตุก็ยังคงยืนรออยู่ใกล้กับรถผู้เสียหาย และเมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเดินเข้าไปในโรงเรียนแล้ว คนร้ายจึงเดินมาที่รถแล้วลงมือเปิดประตูโดยใช้กระดาษทิชชูรองนิ้วมือเพื่อไม่ให้มีร่องรอยลายนิ้วมือติดที่ตัวจับเปิดประตูรถ แล้วก่อเหตุขโมยทรัพย์สินไป มีเช็คเงินสด จำนวน 70,000 บาท 1 ฉบับ , เงินสดกว่า 30,000 บาท และสร้อยทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท
นางศลิษา ผู้เสียหาย กล่าวเปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเองได้ขับรถยนต์เพื่อไปรับลูกสาวที่โรงเรียน เมื่อขับมาถึงที่หน้าประตูโรงเรียนก็ได้ที่จอดรถพอดี จึงเลี้ยวเข้าจอดช่องจอดรถโดยไม่ได้สังเกตอะไร ซึ่งจังหวะนั้นตนเองกำลังอ่านไลน์โทรศัพท์ เนื่องจากมีเพื่อนที่ขับอีกคันหนึ่งมาจอดรถที่โรงเรียนเช่นกัน และมักจะนัดกันเข้าไปรับลูกในโรงเรียนพร้อมกัน จึงลงจากรถและก้มดูโทรศัพท์ตัวเอง พร้อมทั้งกดที่รีโมทรถยนต์ แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีไฟสัญญานกระพริบขณะกดรีโมทขึ้นหรือไม่ จากนั้นก็เดินไปรอเพื่อนแล้วเข้าไปรับลูกในโรงเรียน
ซึ่งตนเองใช้เวลาไม่นานในการเข้าไปภายในโรงเรียน และเมื่อกลับออกมา ก็ได้กดรีโมทปลดล็อค แล้วเปิดรถให้ลูกขึ้นรถ แต่ตนเองก็ได้เห็นว่ากระเป๋าเงินและเช็คหายใน 1 ฉบับ จึงคิดว่าลืมของไว้ที่บ้านหรือไม่ ยังไม่คิดว่าถูกขโมย แต่เมื่อมาถึงบ้านก็พบว่าทรัพย์สินหายไปจริงๆ ได้เข้าแจ้งความไว้แล้วกับ ร.ต.อ.ประธาน วักชัยภูมิ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะยังไม่มีหลักฐาน จากนั้นตนเองพร้อมเพื่อนจึงได้พยายามหากล้องวงจรปิดจากโรงเรียน และตรวจสอบหากล้องหน้ารถที่คาดว่าจะสามารถจับภาพไว้ได้ขณะที่คนร้ายก่อเหตุ จนกระทั่งไปสืบทราบได้เองว่ามีกล้องหน้ารถของผู้ปกครองคันหนึ่ง จับภาพไว้ได้ จึงขอภาพและนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้
นางศลิษา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากตรวจสอบกล้องจนพบตัวคนร้าย จึงคิดว่า คนร้ายก่อเหตุตัดสัญญานรีโมทของรถยนต์ตนเอง ไม่ให้สามารถกดล็อคได้ เนื่องจากขณะที่ตนเองกดล็อคและกดปลดล็อครถ ไม่มีสัญญานไฟกะพริบเตือน ซึ่งตนเองไม่สังเกตให้รอบคอบ จึงอยากฝากเตือนผู้ที่ใช้รถเกี่ยวกับเรื่องการกดล็อครถยนต์ด้วยรีโมท ขอให้ตรวจสอบว่ารถตนเองปิดล็อคเรียบร้อยหรือไม่ และไม่วางทรัพย์สินไว้บนเบาะรถเพื่อล่อตาคนร้าย ขอให้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะมิจฉาชีพในสมัยนี้ลงมือก่อเหตุได้อย่างง่ายดาย
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ