ขุดสระน้ำ พบเครื่องปั้นดินเผาอายุกว่า 100 ปี เทียบเคียงคล้ายพบที่บ้านเชียง
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริเวณทุ่งนาห่างจากบ้านใหม่สามัคคีธรรม ตำบลโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณจำนวนหลายชิ้น โดยที่บริเวณริมขอบสระน้ำกลางทุ่งนาพบว่า มีเศษเครื่องปั้นดินเผาที่แตกกระจัดกระจายอยู่จำนวนหลายชิ้นและมีอยู่ 1 ใบ ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
ซึ่งเศษเครื่องปั้นดินเผาที่พบส่วนใหญ่จะมีลวดลายต่างๆ คล้ายกับที่พบแถบบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี จะมีสีดำและสำน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ และนอกจากนี้แล้วยังพบว่า ยังมีวัตถุคล้ายกับกระดูกหรือก้อนหิน และลูกปัดหินกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าของที่นาได้เก็บเอาเศษเครื่องปั้นดินเผาที่พบบางส่วนขึ้นไปจัดเรียงไว้บนแคร่ไม้ไผ่ริมขอบสระน้ำ
ขณะเดียวกันก็ได้มีชาวบ้านบางคนที่มีความเชื่อต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้บูชาพร้อมกับอธิษฐานขอเลขเด็ดเพื่อนำไปเสี่ยงโชคตามความเชื่อของตนเอง โดยภายหลังที่ทราบข่าวว่ามีการพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณต่างก็มีประชาชนทยอยเดินทางเข้าไปชมด้วยตาของตัวเองอย่างต่อเนื่องทุกวัน
หลายคนเชื่อว่า เครื่องปั้นดินเผาที่พบน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครพบเห็นเครื่องปั้นดินเผาลักษณะนี้มาก่อน ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบแล้วแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีอายุกี่ปีกันแน่ ต้องนำตัวอย่างไปเทียบเคียงกับที่พบในแถบบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี อีกครั้ง
จากการสอบถาม นางวิบูลย์ สมใจ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ 11 บ้านใหม่สามัคคีธรรม ตำบลโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ชาวของที่นา บอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมาตนได้ว่าจ้างรถแบ็กโฮไปช่วยขุดสระน้ำจนแล้วเสร็จ จากนั้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 ตนกับลูกชายได้ช่วยกันนำตะไคร้ไปปลูกที่บริเวณริมขอบสระน้ำ แต่ระหว่างนั้นลูกชายของตนสังเกตเห็น เศษกระเบื้อง และเศษเครื่องปั้นดินเผา ที่แตกกระจัดกระจายอยู่ตามริบขอบสระและไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ตนจึงได้ใช้เสียมไปลองขุดหาดูตามขอบสระน้ำที่ลึกจากผิวดินประมาณ 1 เมตร จึงไปพบเศษเครื่องปั้นดินเผาอีกจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่แตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณและมีอยู่เพียงชิ้นเดียวที่ยังสภาพสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าในระหว่างที่รถแบ็กโฮขุดสระอาจจะมองไม่เห็นว่ามีเครื่องปั้นดินเผาฝังอยู่ใต้ดิน จึงตักเอาเครื่องปั้นดินเผาทั้งหมดแตกกระจายดังกล่าว
หลังจากนั้นตนจึงได้แจ้งทางอำเภอป่าติ้ว และได้ประสานให้ทางสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เข้าตรวจสอบพร้อมกับมีคำสั่งห้ามให้ชาวบ้านเข้าไปขุดค้นหาอีกต่อไป ตนจึงได้ออกมาเฝ้าพื้นที่เอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการขุดค้นตามขั้นตอนต่อไป
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ