แฉอีกรอบ "อาม ชุติมา" เปิดปากพูดหมดเปลือก เหตุต้องออกจากค่ายไหทองคำ
กลายเป็นประเด็นมหากาพย์ไหแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจาก "อาม ชุติมา" หรือ "ชุติมา โสดาภักดิ์" นักร้องลูกทุ่งสาวค่ายไหทองคำ วัย 18 ปี พ่วงตำแหน่งผู้แต่ง "เพลงผู้สาวขาเลาะ" ให้กับ "ลำไย ไหทองคำ" ร้องจนโด่งดังเป็นพลุแตก ออกมาโพสต์ข้อความประกาศบอกแฟนๆ ว่าตอนนี้ไม่มีค่าย ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว อีกทั้งยังแฉเรื่องที่เธอไม่เคยได้รับส่วนแบ่งจากเพลงดังกล่าวที่มียอดวิวถึง 600 ล้านวิวอีกด้วย
>>>"อาม ชุติมา" ออกจากค่ายไหทองคำ แฉยับแต่งเพลงดัง 600 ล้านวิว ไม่ได้ส่วนแบ่งสักบาท
ล่าสุดในวันนี้ (31 พ.ค.) "อาม ชุติมา" ได้เชิญสื่อมวลชนเพื่อขอตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวดังกล่าวออกมาชี้แจงพร้อมกันให้ฟังว่า
"ปัญหามันเริ่มมีมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว คือเรื่องผลประโยชน์และการที่ค่ายไม่ค่อยดูแล ปล่อยให้ไปงานเองบ้าง ตามข้อสัญญาที่ได้เซ็นไว้คือ 70-30 เปอร์เซ็นต์ และที่ได้รับมาก็ไม่น่าจะถึง 70 แต่ไม่รู้ได้กี่เปอร์เซ็นต์"
"เพลงผู้สาวขาเลาะที่อีกฝ่ายบอกว่าได้ซื้อขาดพร้อมให้เงินเรียบร้อยแล้วนั้น ตนก็เพิ่งรู้ว่าได้ขายขาดตอนมีข่าว เพราะตอนเซ็นสัญญาไม่ได้มีการแจ้งว่าขายขาด แต่บอกเหตุผลว่ากลัวมีคนจะมาแอบอ้างเอาเพลงไปเท่านั้น อยากให้เซ็นเพราะค่ายจะได้ช่วยดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ หากหมดสัญญากับค่ายที่เซ็นไว้ 5 ปี ลิขสิทธิ์เพลงก็จะหมดไปด้วย ตอนนี้ก็เหลือสัญญาอีก 3 ปี เขาให้เงินมา 10,000 บาท หลังจากเซ็นก็โอนมาให้เพลงละ 10,000 บาท 3 เพลง ก็ 30,000 บาท เขาบอกเพียงแต่ว่าให้เป็นรางวัลคนเก่ง ไม่ได้บอกว่าซื้อขาดนะ เพราะตนจะบอกกับทุกคนตลอดว่า ตนไม่ขายเพลงเพราะตนแต่งเพลงไม่เก่ง เพลงที่เซ็นสัญญามีทั้งหมด 3 เพลง ได้แก่ อดีตเคยพัง, ผู้สาวขาเลาะ และภาพเก่า"
"ยอมรับว่าตนอ่านสัญญาแล้วแต่ไม่เข้าใจ ตอนนั้นทำสัญญาอายุเพียง 16 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม่เซ็นเป็นพยาน อีกอย่างอาจารย์ก็ย้ำว่าให้เซ็นกันไว้เพื่อไม่ให้ใครมาแอบอ้าง ตอนนั้นก็ได้คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูและเป็นพยาน โดยแม่จะอ่านแต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องอ่านหรอก เพราะไม่ได้จะต้องการโกงหรือหาเรื่องฟ้องอะไร จึงทำให้ไม่ได้อ่าน เพราะความไว้ใจ 100 เปอร์เซ็นต์จึงได้เซ็นไป ตอนนี้สิทธิ์เพลงนี้จึงน่าจะเป็นของเขา"
"ก่อนที่จะให้ "ลำไย ไหทองคำ" ร้องเพลงนี้ ได้มีการตกลงไว้ว่าจะขายเป็นงานคู่ หากเพลงดังมีกระแสก็จะเป็นคู่ พี่ร้องน้องแต่ง จะให้ขึ้นคอนเสิร์ตคู่ลำไย และจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เป็นงานๆ เหมือนอาจารย์แต่งเพลงที่ได้เปอร์เซ็นต์จากศิลปิน แต่ก็ไม่เคยได้จากคิวที่ลำไยใช้ร้องเพลงเลย อีกอย่างตอนนั้นเป็นเพียงสัญญาใจ ซึ่งอีกฝ่ายบอกมันไม่มีในสัญญา"
"ส่วนแบ่งในยูทูปเราก็ไม่เคยได้ แต่ยืนยันว่าตกลงกันจริงๆ ซึ่งเราก็ศึกษาและถามผู้รู้ที่มีประสบการณ์ ถึงจะบอกเป็นจำนวนเงินไม่ได้ แต่ก็เยอะพอสมควร ซึ่งเราไม่ได้เลย ที่ไม่ถามตั้งแต่แรกเพราะเราให้เกียรติ หากอาจารย์อยากให้ก็คงให้เอง"
"เรื่องที่คับข้องใจก็มี อย่างเรื่องที่ไม่ค่อยดูแลและมีเรื่องที่เคยไล่ออกจากค่าย 4 รอบ ตนก็ร้องไห้แต่แม่บอกให้อดทน ด้านลำไยคงได้ทราบเป็นบางเรื่องเพราะต่างก็แยกกันทัวร์คอนเสิร์ต พร้อมยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจที่ไม่มีทุกอย่างเหมือนลำไย แต่น้อยใจที่ไม่ได้ในส่วนของตนเอง"
จากนั้น "อาม" ได้เผยต่อว่า "ลำไยเคยซื้อทองให้จริง ครึ่งสลึงครั้งแรก ตอนวันเกิดปีที่ผ่านมาก็ให้อีก 1 บาท และปีใหม่อีก 1 บาท ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ตนได้บอกไปว่าเดี๋ยวจะไม่อยู่แล้วนะ ซึ่งเขาก็ร้องไห้ ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ยังดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร"
"เรื่องการทำจมูกจนเป็นประเด็นนั้นคือหลังจากที่ตนมั่นใจว่าคงจะไม่มีงานยาว เพราะทางค่ายได้ยกเลิกงานทั้งหมด เราจะรู้งานก็ต่อเมื่อเขาแจ้งมาเป็นคิวๆ อีกอย่างอาจารย์ไม่ได้แจ้งว่าจะต้องไปทำหน้าฝนเพราะไม่ค่อยมีงาน เคยบอกแต่ตอนที่ถ่ายทำผู้สาวขาเลาะว่าหากจบนี้จะเป็นคนหาสปอนเซอร์พาไปจมูก ซึ่งตอนที่จะไปทำเองก็ได้แจ้งทางค่ายว่าขอล็อคคิวไว้ ทุกอย่างก็โอเคมีคนรับรู้ แต่ปรากฏว่าวันนั้นทางงานโทรศัพท์มาถามตนว่าทำไมไม่มางาน ตนจึงงงว่าสรุปมีงานด้วยเหรอ"
"เรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่าแอบไปตั้งค่ายเอง ไม่ใช่ ตนเปิดช่องยูทูปเป็นชาแนลของตัวเอง นำคลิปที่ถ่ายเล่นหรือการแสดงสดไปลงเฉยๆ เป็นคลิปจากมือถือที่ถ่ายเพราะแฟนคลับจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของเราตลอด อีกอย่างยูทูปไม่ได้มีเรื่องของรายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะตนก็ให้เกียรติทางค่ายด้วย ไม่สร้างรายได้ตัดหน้า"
"ที่บอกว่าตนแยกทีมออกมาแล้วแต่งเพลงให้คนอื่น เป็นพี่ตนที่ตนได้แต่งเพลงให้เล่นๆ ชื่อเพลงว่า "เอานำอ้ายบ่" แต่บังเอิญมีกระแสในระดับหนึ่งทางภาคอีสาน"
>>>"เจ้าของค่ายไหทองคำ" บอก "อาม ชุติมา" อย่าเล่าความเท็จ ไม่รักเหมือนลูกจะฟ้อง
สำหรับข่าวที่ประจักษ์ชัยให้สัมภาษณ์ว่ามอบเงินให้อามมา 700,000 บาท เจ้าตัวได้ชี้แจงให้ฟังว่า
"ไม่ได้ถึง 700,000 แต่ให้จริงๆ ให้ดาวน์รถ 100,000 บาท ให้ทำรั้วบ้าน 50,000 บาท ช่วยต่อเติมบ้านอีก 80,000 บาท และพาไปซื้อโทรศัพท์ 2 เครื่อง โดยที่ตนไม่ได้ขอ และตนก็รับไว้เพราะเขาบอกเป็นของขวัญปีใหม่ ซึ่งที่ได้ทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าตัว 70-30 ให้มาเฉยๆ"
"เรื่องค่าตัว 70-30 ไม่ว่าตนจะไปเดี่ยวหรือเต็มวงก็จะได้เท่านี้ 5,000 ก็เคยได้ 10,000 หรือมากสุด 15,000 เรตค่าตัวต่อ 1 งานแค่รับเชิญคือ 35,000 บาท หากเต็มวงก็จะได้ 55,000 - 65,000 บาท แต่ได้รับเองไม่เคยเกิน 15,000 บาท ซึ่งตนไม่เคยทักท้วงอะไร เพราะคิดว่าเขาเป็นคนให้น่าจะรู้ดี อีกอย่างก็ไม่กล้าท้วงด้วย เขาไม่เคยบอกว่าเงินได้มาจากเรตค่าตัวเท่าไหร่ ตนเพิ่งได้ 15,000 บาทมาช่วงต้นปีที่ผ่านมา"
"ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าตนโพสต์ข้อความเพราะอยากดังนั้น จริงๆ ไม่อยากให้ใครรู้ด้วยซ้ำว่ามีปัญหาข้างในเป็นยังไง เก็บคนเดียวมานานพอสมควร ไม่อยากสาวไส้ให้กากิน"
"ส่วนที่มีข่าวว่าตนให้แม่บ้านแอบไปขโมยสัญญาคู่ฉบับจริงมาจากบริษัทนั้น เริ่มต้นจากแม่บ้านเป็นคนทักเฟสบุ๊คตนมาก่อน ว่าอยากจะเอาสัญญามาให้ตนเพื่อที่จะได้ออกมาอยู่ด้วย ซึ่งตนก็ยอมรับว่าอยากได้อยู่แล้ว แม่บ้านคนนี้ยังเป็นเด็กเหมือนหนู อายุเพียง 16-17 ปี เขาอยากให้หนูเข้าไปเอาสัญญาเองที่บริษัท จะบอกเพียงแค่ว่าอยู่ตรงไหน แต่มันก็แปลกๆ เอะใจว่าทำไมง่ายจัง อีกอย่างภรรยาของคุณประจักษ์ชัยก็ส่งคลิปมาขู่ไว้ และน้องก็ยังทักมาเพื่อให้เข้าไปเอาอีก แต่ตนก็ไม่ได้เข้าไปเพราะคิดว่าเป็นกลลวงจะได้เป็นหลักฐานว่าเราผิดเต็มๆ"
"ที่บอกว่าตนมีครอบครัวแล้ว ตนอยู่กับพ่อแม่ยังไม่มีแฟน แม่ยืนยันได้เพราะอยู่ด้วยกันมาตลอด"
"จริงๆ เกิดจุดแตกหักมาก่อนที่ตนจะโพสต์ข้อความแต่ไม่มีใครรู้ เริ่มจากที่ทางผู้ใหญ่มีการโพสต์เหน็บตนต่างๆ ตนเลยอยากจะออกมาโพสต์ชี้แจงว่าทำไมไม่เอาเรื่องจริงที่ตกลงกันไม่ได้มาพูด"
"จากนี้ตนก็ยังไม่รับงานอะไร รอให้ผู้ใหญ่ได้เคลียร์กันก่อน ตนอยากจะขอโอกาสได้ทำงานเองดีกว่าเพราะตอนนี้ไม่สบายใจ จึงอยากจะขอสัญญาคืน ที่ผ่านมาไว้ใจมากไป นึกว่าเขาจะทำได้ตามเงื่อนไข"
จากนั้น "นางเกษณี น้ำเงิน" หนึ่งในบุคคลที่จับมือทำบริษัทพีที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้เผยต่อว่า
"ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความรู้จักกับ "อาม ชุติมา" แต่เนื่องจากเจอปัญหาที่เกี่ยวข้องและมีคู่กรณีคนเดียวกัน จึงได้ยื่นมือมาช่วย เพราะเห็นว่าอามยังเป็นเยาวชนอยู่อาจจะไม่รู้เรื่องกฎหมายมากนัก อีกอย่างตนก็เป็นผู้เสียหาย เพราะได้เคยเปิดบริษัทร่วมกันกับ "ประจักษ์ชัย ไหทองคำ" แล้วปั้น "ลำไย ไหทองคำ" มาด้วยกัน แต่เขากลับพาลำไยไปเปิดเป็นบริษัทตัวเอง ซึ่งตนมีหลักฐานทุกอย่าง ตนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพาลำไยไปทำศัลยกรรม ค่ารถที่ไปโชว์ตัวหรือออกงาน ค่าเสื้อผ้าหน้าผม ประมาณ 130,000 บาท ซึ่งเขาก็ไม่ได้ชดใช้อะไรเลย แต่ตนก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรมาก่อน เพราะเหตุเกิดเมื่อปี 2559 แต่เมื่อปี 2560 เกิดประเด็นพ่อบุญธรรมที่เคยดูแลลำไย โดยเนื้อเรื่องมันผูกพันกันทั้งหมด
"ช่วงที่ประจักษ์ชัยมาบอกว่าให้เรามาร่วมปั้นลำไยด้วยกัน ตอนนั้นเราก็ไว้ใจเขา เชื่อมั่นทุกอย่าง ไม่ได้ให้ลำไยเซ็นสัญญาเพราะชื่อประจักษ์ชัยมีอยู่ในบริษัทมีส่วนได้ส่วนเสียจึงคิดว่าเชื่อใจได้ แต่คนนี้ไม่ธรรมดา เพราะพอคิวงานยาว เริ่มมีรายได้ ไม่ต้องใช้เงินเราแล้ว ลำไยเริ่มดังก็เริ่มไม่เข้าบริษัทและหายไป"
>>>เปิดข้อความแชท "ลำไย ไหทองคำ" คุย "อาม ชุติมา"
"ตนจึงคิดว่าหากวันนี้ตนไม่ออกมาพูด สังคมจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะฟ้องแต่ครั้งนี้ไม่แน่ เพราะสถานะเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านั้นตนคิดมาตลอดว่าให้โอกาส วันหนึ่งเขาอาจจะเดินเข้ามาหา แต่วันนี้เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าที่ไม่ร่วมงานกับเราเพราะบริษัทเราจะให้ลำไยเซ็นสัญญา 8 ปี เขาพูดมาเองเราไม่เคยพูด และเขาบอกทางเราช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยความเสน่หา"
"ที่ออกมาวันนี้เพราะอยากจะออกมาปกป้องน้องอาม ตอนนี้น้องเหมือนเด็กถูกผู้ใหญ่รังแก ก็จะคอยดูแลช่วยเหลือทางด้านกฎหมายต่างๆ บางอย่างให้น้องพูดออกสื่อไม่ได้"
จากนั้น "นายณรงค์วัฒน์ ยันจะพันธ์" หรือ "บ่าวเอก เมืองสกล" ได้เผยปิดท้ายว่า จริงๆ แล้ว "ลำไย ไหทองคำ" มีชื่อสัญญาติดกับตนอยู่ 5 ปี ก่อนที่จะมาแอบจดสัญญาซ้อนกันกับ "ประจักษ์ชัย" โดยใช้ชื่อ "หอยแครง แสงตะวัน" ตั้งแต่ปี 2557 - 2562 แล้วเขามาเปลี่ยนเป็น "ลำไย ไหทองคำ" ซึ่งขโมยนามแฝงมาจากตัวจริง "เมรัย ไหทองคำ"
"เดิมที "ลำไย" มาจากการเป็นแดนเซอร์และค่อยมาฝึกร้องเพลง ออกได้ 2 ซิงเกิ้ลกำลังอยู่ในช่วงโปรโมทเริ่มจะมีชื่อเสียง ลำไย เรียนจึงมีผลกระทบต่อการรับงาน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ยกเลิกสัญญา เรื่องจึงไปถึงชั้นศาลเป็นกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว เกิดเรื่องฟ้องร้องทั้งคู่กันมาปีกว่า ไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว 4 รอบ นัดแล้วไม่มา จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาล ตนไม่ได้เรียกร้องเรื่องเงินเลยแม้แต่บาทเดียว แค่อยากเรียกร้องสิทธิ์ เขามาถามว่าต้องการเท่าไหร่ แต่ตนไม่ได้ต้องการ อยากให้ลำไย ประจักษ์ชัยเข้ามาคุยและจบกันดีๆ รอบที่ 4 ตนเลยให้คำตอบไปว่า 3,000,000 บาท แต่เขาบอกเยอะเกินไป จากนี้ก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้แล้ว"
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ