ชีวิตแสนลำเข็ญ สาวชีวิตหักเห ตาบอดเลี้ยงลูกลำพัง สามีทิ้งไปบวช

ชีวิตแสนลำเข็ญ สาวชีวิตหักเห ตาบอดเลี้ยงลูกลำพัง สามีทิ้งไปบวช

ชีวิตแสนลำเข็ญ สาวชีวิตหักเห ตาบอดเลี้ยงลูกลำพัง สามีทิ้งไปบวช
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดเวทนาสาววัย 26 ตาบอดทั้งสองข้าง หลังลาออกจากทำงานหลอมเหล็ก ด้านสามีก็หนีไปบวชไม่สึก ทิ้งเลี้ยงลูกลำพังอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีเก่าๆ

(3 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง ในหมู่บ้านกลันทา ม.10 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนาสงสาร เนื่องจากพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง อาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีที่มีสภาพเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกวัยชายเพียงขวบเศษตามลำพัง เพราะสามีหนีไปบวชและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ปัจจุบันอาศัยเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท ซื้ออาหารกินประทังชีวิตไปวันๆ

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงก็พบกับ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือ ยุ้ย อายุ 26 ปี สาวที่พิการตาบอดทั้งสองข้าง กำลังนั่งอุ้มลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือน อยู่บริเวณเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยสังกะสีเก่าผุพังและมุงด้วยสังกะสีที่ใช้สำหรับอยู่อาศัยกับลูก ใกล้กันมีเพิงที่ล้อมรอบด้วยสังกะสีอีกหลังซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของแม่และพ่อเลี้ยง

จากการสอบถาม น.ส.สุนิสา เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2554 ได้ไปทำงานโรงงานหลอมเหล็กกับพ่อแม่ รวมทั้งสามีที่ จ.ชลบุรี โดยตนเองทำหน้าที่โหลดเหล็กเข้าเตาหลอม แต่หลังจากทำได้แค่ 3 เดือนก็ต้องลาออก เพราะเริ่มมีอาการปวดหัวรุนแรงและแสบดวงตา เชื่อว่าน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงจากฝุ่นสนิมเหล็กเข้าตา

หลังจากลาออกกลับมาอยู่บ้านสามีที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้ไม่นาน สายตาก็เริ่มพร่ามัว ไปหาหมอก็แนะนำว่าให้กลับมารักษาที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะมีสิทธิ์รักษา จึงตัดสินใจกลับมาตามที่หมอแนะนำ ในช่วงแรกหมอบอกว่าจอประสาทตาหลุดลอก ซึ่งช่วงนั้นตาทั้งสองข้างก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว ต้องทำการผ่าตัด จึงทำเรื่องส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล จ.ขอนแก่น

แต่หลังจากผ่าตัดก็ยังมองไม่เห็น ซึ่งหมอบอกว่าจอประสาทตาเสื่อม อาจทำให้กลายเป็นผู้พิการมองไม่เห็นจึงบอกให้ครอบครัวทำใจ แต่ก็บอกให้มาทำการตรวจและรักษาต่อเนื่อง หวังว่าจะมีโอกาสหรือวิวัฒนาการใหม่ที่สามารถช่วยรักษาได้ แต่ด้วยฐานะที่ยากจนไม่มีค่าใช้จ่ายเดินทางไปรักษาได้อย่างต่อเนื่อง จึงต้องกลายเป็นคนพิการตาบอดมาจนถึงทุกวันนี้ รวมเป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้ว

น.ส.สุนิสา ยังเล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ช่วงที่ตนเองมองไม่เห็นก็มีแม่คอยดูแลและสามีทำงานรับจ้างหาเลี้ยง ตนเองก็พยายามฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง แต่พอมีลูกสามีก็เริ่มเครียดดื่มเหล้า บางวันมีเงินให้บ้างไม่ให้บ้าง กระทั่งต่อมาสามีบอกว่าจะไปบวช ซึ่งช่วงแรกก็ยังโทรศัพท์ติดต่อหาลูกและส่งเงินค่านมมาให้ แต่ล่าสุดหายไปนานกว่า 3 เดือนแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้เลย ปล่อยทิ้งให้ตนที่ตาบอดเลี้ยงลูกลำพัง

ปัจจุบันก็อาศัยเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท ซื้อข้าวสาร อาหารมาประทังชีวิต แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะต้องซื้อนม และอาหารเสริมให้ลูกกินด้วย ต้องอยู่อย่างยากลำบากอดมื้อกินมื้อ

ในบางครั้งก็คิดท้อแท้ ถึงขั้นคิดสั้นอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ก็รู้สึกสงสารลูก หากมีผู้ใจบุญช่วยเหลือก็อยากให้ช่วยรักษาตาให้มองเห็น เพราะอยากเห็นหน้าลูก ทั้งอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเองและลูกได้โดยไม่เป็นภาระคนอื่น

ทางด้าน นางตุ่ม สมบูรณ์ อายุ 51 ปี แม่ของ น.ส.สุนิสา บอกว่า หลังเห็นลูกสาวและหลานชายอยู่อย่างยากลำบาก ก็รู้สึกสงสารมากแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะปัจจุบันตัวเองก็ไม่สามารถทำงานได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะป่วยเป็นความดันสูง หน้ามืดบ่อยครั้ง ปวดข้อเข่า ทำงานหนักไม่ได้เพียงแค่รับจ้างเล็กๆ น้อยๆ กินไปวันๆ เท่านั้น

บางครั้งไม่มีจะกินก็ไปหยิบยืมญาติพี่น้องมาให้ลูกสาวและหลานได้ซื้อกินประทังความหิวบ้าง จึงอยากให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือให้ลูกสาวและหลานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ และอยากให้หลานมีทุนเรียนสูงๆ ให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้หากตนเป็นอะไรไป

ขณะที่เพื่อนบ้านบอกว่าเห็นสภาพความเป็นอยู่ของ น.ส.สุนิสา ที่พิการตาบอด ต้องเลี้ยงดูลูกชายวัยขวบเศษตามลำพัง หลังจากสามีทิ้งไปบวชไม่เหลียวแลก็รู้สึกสงสารมาก แต่ก็ช่วยเหลือหยิบยื่นข้าวปลา อาหารได้บ้างบางครั้งตามกำลังที่พอจะช่วยได้ เพราะตัวเองก็มีฐานะยากจนต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน

หากผู้ใดต้องการช่วยเหลือสามารถบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หมายเลขบัญชี 308-0-61208-6 บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาบุรีรัมย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook