โรงพยาบาลดังแจง ผ่าตัดคลอดลูกน้อยรอด แต่ทำคุณแม่เสียชีวิต

โรงพยาบาลดังแจง ผ่าตัดคลอดลูกน้อยรอด แต่ทำคุณแม่เสียชีวิต

โรงพยาบาลดังแจง ผ่าตัดคลอดลูกน้อยรอด แต่ทำคุณแม่เสียชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แพทย์โรงพยาบาลอำนาจเจริญแถลงชี้แจง ปมเหตุคุณแม่เพิ่งคลอดเสียชีวิตกะทันหัน พบสาเหตุเกิดจากภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด ทำหัวใจวายฉับพลัน มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 1 ใน 8 หมื่นคนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นางสาวเกษรินทร์ อายุ 30 ปี ได้เข้าทำการผ่าคลอดที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เป็นเหตุให้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ (3 มิ.ย.) พญ.นภาพร เกียรติดำรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำนาจเจริญ ด้านปฐมภูมิ ได้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้กรณีนี้

พญ.นภาพร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม มีผู้ป่วยเข้ามาทำการคลอดและเกิดเสียชีวิต โดยผู้ป่วยรายนี้ได้ตั้งครรภ์เป็นครรภ์ที่ 2 โดยได้ฝากครรภ์ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสมุทรปราการ เนื่องจากผู้เสียชีวิตทำงานที่กรุงเทพฯ และครบกำหนดใกล้คลอดจึงได้กลับพักที่ภูมิลำเนา จ.อำนาจเจริญ

ในวันเกิดเหตุได้เข้ามาทำการคลอด โดยในขณะนั้นผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน คือ ความดันโลหิตสูงขึ้นขณะตั้งครรภ์ และมีการอาการบวม ซึ่งหมอที่ให้การรักษาในขณะนั้นได้วินิจฉัยแล้วว่า กำลังเข้าข่ายภาวะครรภ์เป็นพิษ จึงจำเป็นต้องรีบดำเนินการให้เกิดการคลอดเกิดขึ้นโดยเร็ว และได้นัดผู้ป่วยมาทำการผ่าตัดคลอด ในวันดังกล่าว

ประกอบกับผู้ป่วยมีอายุครรภ์ที่ถึงกำหนดคลอดแล้ว ก่อนคลอดได้ทำการตรวจสภาพทารกในครรภ์ พบว่าแข็งแรงดี แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัดคลอด ซึ่งการผ่าตัดคลอดก็ดำเนินการผ่านไปด้วยดี ได้ทารก เพศหญิง น้ำหนัก 2,400 กรัม สุขภาพแข็งแรงดี

แต่ภายหลังจากผ่าคลอดกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะที่สูตินรีแพทย์กำลังเย็บปิดชั้นของกล้ามเนื้อ และชั้นผนังหน้าท้อง ผู้ป่วยเกิดอาการเขียวตามปลายมือ ปลายเท้า และความอิ่มตัวของออกซิเจน ประกอบกับความดันเลือดลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทางสูตินรีแพทย์จึงได้เรียกทีมช่วยเหลือโดยทันที

แพทย์จึงได้ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ โดยได้ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งในทางเทคนิคของการผ่าคลอดจะมีการระงับการเจ็บปวด และในกรณีนี้ทางสูตินรีแพทย์ได้ทำการบล็อกหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการดมยา แต่เนื่องจากขณะที่ผู้ป่วยมีอาการเขียวคล้ำเกิดขึ้น ความดันและความอิ่มตัวของออกซิเจนต่ำลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องรีบทำการช่วยเหลือ โดยการใส่ท่อช่วยหายใจให้กับผู้ป่วย ซึ่งทำโดยวิสันสนีแพทย์

แต่ถัดจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที หัวใจคนไข้เกิดหยุดเต้น ทีมแพทย์จึงระดมกำลังเข้าช่วยชีวิต ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลง

โดยทีมแพทย์ได้ลงความเห็นสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะน้ำคร่ำรั่วไปอุดกั้นหลอดเลือดในปอด ทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปรกติ ส่งผลให้ภาวะการหายใจล้มเหลวฉับพลัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเกิดภาวะฉุกเฉินและเร่งด่วนมากในทางสูติกรรม โดยอัตราการเกิดของภาวะดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นได้ยากมาก เพียง 1 ต่อ 80,000 ราย

ซึ่่งที่ผ่านมาโรงพยาบาลอำนาจเจริญยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ขึ้นเลย ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลอำนาจเจริญยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ในเบื้องต้นจะช่วยเหลือนมผง ผ้าอ้อม และของใช้เด็กอ่อน ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อดูแลทารกแรกเกิดที่เพิ่งเกิด เป็นระยะเวลา 2 ปี และจะเร่งดำเนินการประสานการรับค่าชดเชยตามสิทธิ์ ที่ผู้ป่วยพึงจะได้รับ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร็ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านของผู้เสียชีวิตใน อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งญาติได้นำศพของผู้เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านหลังดังกล่าว โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาเคารพศพอยู่เป็นระยะ

นางมาลา อายุ 50 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ขอเพียงแค่ให้ช่วยเหลือให้ครอบครัวได้รับค่าชดเชย ตามสิทธิ์ที่ผู้เสียชีวิตพึงจะได้ เพราะผู้เสียชีวิตมีลูกชายคนโต วัย 7 ขวบ อีกทั้งยังมีทารกที่เพิ่งคลอดออกมาอีก ทำให้ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่ผู้เป็นแม่ ซึ่งต้องเลี้ยงดูหลานถึง 2 คน

แม่เองก็อายุมากแล้วไม่มีงานประจำและครอบครัวก็มีฐานะยากจน รายได้ที่จุนเจือครอบครัว ทุกบาทก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้ตาย ตอนนี้ขาดเสาหลักของครอบไปทำให้ครอบครัวลำบากมาก จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลให้ทางครอบครัวได้รับค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมด้วย และครอบครัวจะไม่ทำการเผาศพจนกว่าจะได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook