2ดช.ค้ากำปั้น เลี้ยงยาย

2ดช.ค้ากำปั้น เลี้ยงยาย

2ดช.ค้ากำปั้น เลี้ยงยาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เด็กชาย 2 พี่น้องกตัญญูอายุ 13 กับ 12 ขวบ ยึดอาชีพชกมวยหาเงินเลี้ยงดูยายอายุ 73 และส่งตัวเองเรียนหนังสือ อาศัยช่วงเย็นกลับจากโรงเรียนเข้าค่ายฝึกซ้อม ออกเดินสายขึ้นสังเวียนช่วงปิดเทอม คนพี่ยึดเอา สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นต้นแบบลีลาการชก ส่วนคนน้องวาดฝันจะเป็นเหมือน สมจิตร จงจอหอ ยายเผยตอนแรกไม่อยากให้ชกมวยเพราะกลัวหลานเจ็บ แต่หลานตื๊อขออนุญาตจนใจอ่อน แต่ก็สั่งไม่ให้ทิ้งการเรียนเด็ดขาด ฝ่ายเจ้าของค่าย-ครูมวย ระบุเป็นมวยมีอนาคตทั้งคู่ ทั้งยังเป็นเด็กกตัญญูและขยันเรียนหนังสือ

เผยเบื้องหลังชีวิต 2 เด็กชายค้ากำปั้นหาเงินเลี้ยงดูยายชรา โดยเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งข่าวเด็กชายสองพี่น้องออกยึดอาชีพชกมวยหาเงินมาช่วย เหลือครอบครัว และส่งตัวเองเรียนหนังสือ อยู่ที่ค่ายมวยลูกสระแก้ว บ้านสระแก้ว ม.3 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงค่ายมวยดังกล่าวซึ่งเป็นศาลาอเนกประสงค์ของหมู่บ้านสระแก้ว มีเวทีมวยและอุปกรณ์ฝึกซ้อมครบครัน ทั้งกระสอบทรายและนวม ทั้งยังได้พบกับนายเทวา สืบโสภา อายุ 29 ปี หรือ "เทวดาน้อย ส.เพลินจิต" อดีตนักมวยดังค่าย ส.เพลินจิต เป็นครูมวยประจำค่ายมวยดังกล่าว

เมื่อ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเด็กชาย 2 พี่น้อง นายเทวายืนยันว่าเป็นนักมวยในค่ายลูกสระแก้วจริง ก่อนจะเรียกนักมวยรุ่นจิ๋วทั้งคู่ออกมาโชว์ตัว ทราบว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน คนพี่ชื่อด.ช.ธรรมนูญ สระสี อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนบ้านสระแก้ว ใช้ชื่อในการชกมวยว่า "คฤหาสน์เล็ก ลูกสระแก้ว" ส่วนคนน้องชื่อด.ช.ธรรมศร สระสี อายุ 12 ปี อยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนเดียวกัน ใช้ชื่อในการชกมวยว่า "แรมโบ้ ลูกสระแก้ว" ทั้งสองชกในรุ่นน้ำหนัก 26 กิโลกรัม

ด.ช.ธรรมนูญกล่าวว่า ตนเองชอบกีฬามวยมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ชอบดูมวยทางทีวีมาก ส่วนนักมวยที่เป็นฮีโร่ในดวงใจคือ สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย ซึ่งตนเองเลียนแบบลีลาการชกมาใช้เป็นประจำ สำหรับการชกมวยจะออกตระเวนในช่วงปิดเทอมเป็นส่วนใหญ่ ได้ค่าชกครั้งละ 1,000-2,000 บาท เมื่อได้เงินมาก็จะนำเงินไปให้นางสำอาง คุ้มเคลือบ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/17 ม.4 ต.สำนักท้อน ซึ่งเป็นยาย ส่วนหนึ่ง และเก็บไว้ใช้ซื้อเสื้อผ้าและใช้จ่ายเวลาไปโรงเรียน

ด้านด.ช.ธรรม ศร หรือแรมโบ้ กล่าวว่า ชอบกีฬามวยเหมือนกับพี่ชาย เมื่อเห็นพี่ชายมาซ้อมตนเองก็มาด้วยและก็เริ่มฝึกซ้อม จนได้ขึ้นชกจริงและเริ่มเก็บตัวฝึกทุกวัน ไม่ทำให้เสียการเรียนเพราะครูฝึกจะบังคับให้ขยันเรียน สำหรับนักมวยฮีโร่ในดวงใจอยากเป็นเหมือนสมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิกคนล่าสุด และจะมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อให้เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงให้ได้ ส่วนเงินที่ได้จากการชกแต่ละครั้งจะนำเอาส่วนหนึ่งไปให้ยายใช้จ่าย เพราะยายทำงาน ไม่ไหว

นายเทวากล่าวว่า เด็กทั้งสองมีพรสวรรค์ในการชกมวยและมีฝีมือที่ดี ช่วงแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วเด็กทั้งสองคนมาขอฝึกซ้อม และตนเองเห็นว่าเด็กชอบจึงบอกกับเจ้าของค่ายให้ขออนุญาตผู้ปกครอง ซึ่งมีเพียงยายคนเดียว เพราะพ่อแม่แยกทางกัน ตอนแรกยายของเด็กยังไม่ยอม จนกระทั่งเด็กได้ขออนุญาตเองยายจึงยอม พร้อมทั้งเริ่มให้ฝึกซ้อมและเห็นว่ามีแววในการชกมวย จึงเรียกเข้ามาฝึกทุกวันตอนเย็นหลังเลิกเรียน และเก็บตัวในค่ายจนกระทั่งขึ้นเวทีจริง โดย ด.ช.ธรรมนูญ หรือคฤหาสน์เล็ก จะเป็นมวยจังหวะฝีมือ ชก 13 ครั้ง ชนะถึง 8 ครั้ง และมักจะประทับใจกองเชียร์เพราะชกสวยงาม ส่วนคนน้องคือด.ช. ธรรมศร เป็นมวยบู๊ดุดัน ชก 13 ครั้งชนะถึง 9 ครั้ง

ด้านนายบรรพจน์ สุรภาพ อายุ 42 ปี หัวหน้าค่ายมวยลูกสระแก้ว กล่าวว่า ตนเองเปิดค่ายมวยแห่งนี้มาประมาณ 3 ปี จะรับเด็กที่ครอบครัวยากจนมาฝึกซ้อม โดยมีทางเทศบาลตำบลสำนักท้อนช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การฝึกซ้อม และบางอย่างก็ซื้อหามาเอง ส่วนสถานที่ได้รับการอนุเคราะห์จากเทศบาลตำบลสำนักท้อนให้ใช้ศาลาอเนก ประสงค์ของหมู่บ้านเป็นค่ายมวย ตนเองได้ให้นักมวยซึ่งเป็นเด็กในหมู่บ้านทั้งหมด 8 คนมาพักอยู่ในค่าย ซื้อข้าวปลาอาหารให้ โดยเด็กมีหน้าที่ฝึกซ้อมและเรียนหนังสือ และจะออกตระเวนชกในช่วงปิดเทอม ส่วนช่วงเปิดเทอมก็จะพาไปชกวันเสาร์-อาทิตย์ เด็กจะได้ไม่เสียการเรียน ทางโรงเรียนก็ไม่ขัดข้อง และทางค่ายจะเข้มงวดเรื่องยาเสพติดหากพบว่าเด็กเข้าไปข้องแวะก็จะให้ออก ทันที แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมี

นายบรรพจน์ยังกล่าวว่า สำหรับเด็กทั้งสองคนเป็นนักมวยที่มีฝีมือ ขยันฝึกซ้อม รวมถึงขยันเรียนหนังสือ ค่าชกทั้งหมดตนเองไม่หักไว้เลย จะให้เด็กทั้งหมดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา และเด็กทั้งสองคนยังกตัญญูต่อยายด้วย เพราะชกเสร็จก็จะนำเงินไปให้ทุกครั้ง เพราะสภาพครอบครัวของเด็กทั้งสองคนลำบากมาก ยายก็แก่ทำงานไม่ไหว และที่รู้มาบ้านที่ยายและเด็กอาศัยอยู่กำลังจะถูกธนาคารยึด ในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร แต่ก็จะดูแลเด็กทั้งสองเป็นอย่างดีเพื่อเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงและเป็น อนาคตที่ดีของชาติต่อไป

ต่อมาเด็กทั้งสองพาผู้สื่อข่าวไปยังบ้านของ นางสำอาง คุ้มเคลือบ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพทรุดโทรม พบกับนางสำอางนั่งอยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลานทั้งสองคนก็ดีใจ พร้อมทั้งเรียกเข้าบ้าน หลานทั้งสองคนจึงนำเงินที่ได้จากการชกมวยไปมอบให้ยายสำอางกล่าวว่า หลานทั้งสองคนเป็นเด็กดี อยู่กับตนมาตั้งแต่เกิด ส่วนพ่อแม่ของเด็กแยกทางกัน นานๆ จะมาเยี่ยม ส่วนเรื่องการชกมวยตอนแรกตนเองไม่อยากให้ไปชกเพราะกลัวหลานเจ็บ แต่หลานทั้งสองคนก็มาคะยั้นคะยอจนใจอ่อน แต่ก็ไม่กล้าไปดูหลานชกเพราะสงสาร แต่ได้ยินเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังว่าเป็นนักมวยที่เก่ง ตนก็ภูมิใจ แต่ก็ต้องการให้หลานตั้งใจเรียนควบคู่กันไปด้วยจะได้มีอนาคตที่ดี หลานทั้งสองก็ขยันเรียนและการเรียนก็อยู่ในระดับดี

ยายสำอางยังบอก ว่า สำหรับการเลี้ยงดูนั้นก่อนที่หลานทั้ง 2 คนจะชกมวยก็ลำบากเพราะตนเองทำงานไม่ไหว จะมีก็รับจ้างเฝ้าบ้านและทำมาหากินไปวันๆ แต่พอทั้งสองคนออกไปชกมวย หลังชกเสร็จจะนำเงินมาให้ตนทุกครั้ง ตนก็เก็บไว้เพื่อซื้อกับข้าวและเก็บไว้ส่วนหนึ่งเอาไว้ให้หลานในอนาคต ส่วนหลานทั้งสองคนหากจะชกมวยต่อไปก็ไม่ว่าแต่ขอให้เรียนควบคู่ไปด้วย ซึ่งทางหัวหน้าค่ายมวยก็รับปากว่าจะส่งให้เรียนตลอดไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook