ออกหมายจับแล้ว 5 คนสนิท ช่วย อดีตพระพรหมเมธี หนีข้ามไปฝั่งลาว
![ออกหมายจับแล้ว 5 คนสนิท ช่วย อดีตพระพรหมเมธี หนีข้ามไปฝั่งลาว](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1343/6718094/9.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
(7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด หลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการระดมกำลังกองปราบ และตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ จ.นครพนม
เพื่อติดตามจับกุมตัว พระพรหมเมธี หรือ เจ้าคุณจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กทม. หนึ่งในผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ที่หลบหนีมา ในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา
ก่อนหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน โดยมีการทิ้งหลักฐาน เป็นรถตู้พบรถยนต์ตู้ โตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3 กภ 8672 กทม. ซึ่งพระพรหมเมธี ใช้ในการเดินทางหลบหนี มาจาก กทม. นำจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม
หลังการหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดมาตรวจสอบและสืบสวนหาเบาะแส จนกระทั่งล่าสุดมีการประสานงานจับกุมตัวได้ หลังหนีไปประเทศเยอรมนี แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย
ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัว พระพรหมเมธี ในครั้งนี้ ทางตำรวจได้กุญแจสำคัญ หลังจากสามารถควบคุมตัวสีกาคนสนิท ที่ให้การช่วยเหลือในการหลบหนี คือ นางศศิร์อร อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม.
ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง นอกจากนี้ ยังมีสามีไปประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ ใน สปป.ลาว ทำให้รู้ช่องทางในการเลี่ยงการจับกุม และสามารถพาหนีออกนอกประเทศได้ง่าย
รวมถึงมี ลูกศิษย์คนสนิท อีก 1 คน คือ นายพีรวิช อายุ 28 ปี โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สีกาคนสนิท รวมถึงลูกศิษย์ อีกคน อยู่ในการควบคุมของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และยังมีชาวลาว อีก 3 คน ที่ให้การช่วยเหลืออยู่ระหว่างการหลบหนี
ล่าสุด ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจนครพนม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนม และมีการอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่ให้การช่วยเหลือพระพรหมเมธีแล้ว รวม 5 คน มี 1.นางศศิร์อร อายุ 54 ปี สีกาคนสนิท 2.นายพีรวิช อายุ 28 ปี เป็นคนที่คอยให้การช่วยเหลือส่วนอีก 3 คน เป็นชาวลาว ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี
ซึ่งตำรวจจะได้เร่งประสานงานติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระบุว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะสั่งการ
ส่วนตำรวจในพื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเชิงลึกได้ จะต้องรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เกรงว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ
>> ลำดับการหนีของ "อดีตพระพรหมเมธี" จากชายแดนไทย ลัดเลาะประเทศเพื่อนบ้านบินไปเยอรมนี