บุกจับขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ ยึดไม้หวงห้าม 863 ท่อน มูลค่าหลายสิบล้าน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท ฝ่ายปกครองอำเภอหันคา เจ้าหน้าที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นโรงเก็บไม้ญาณิการ์ ต.หนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท หลังสืบทราบว่ามีขบวนการลักลอบนำไม้ผิดกฎหมายมาเก็บไว้ก่อนส่งต่อไปประเทศที่ 3
จากการตรวจค้น พบไม้หวงห้ามที่แปรรูปเป็นท่อนแล้วทั้งไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ รวม 696 ท่อน และยังพบไม้พะยูงที่ยังไม่ได้แปรรูปอีกจำนวน 167 ท่อน รวมของกลางจำนวน 863 ท่อน และยังมีไม้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอีกจำนวนมากพร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน ได้แก่ 1.นายสมนึก อายุ 48 ปี 2.นายบุญเกิด อายุ 30 ปี 3.นายพรศักดิ์ อายุ 31 ปี ทั้งสามคนเป็นชาวจังหวัดสระบุรี และ นางสาวศศิธร เจ้าของโรงไม้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ทราบว่า เป็นคนขับรถรับจ้างขนไม้มาจาก จ.สระบุรี มีนายบอล (ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุล) เป็นผู้ว่าจ้าง โดยให้ขนไม้เข้ามาเก็บไว้ในโกดังเก็บไม้ดังกล่าวได้ค่าจ้างเที่ยวละ 500 บาท โดยที่ไม่รู้ว่าไม้ทั้งหมดนี้จะส่งต่อไปให้ใคร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะยึดไม้ของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบ และให้ทางนางสาวศศิธร เจ้าของโรงเก็บไม้ นำเอกสารไปชี้แจ้งว่า ครอบครองอย่างถูกต้องหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบไม้ทั้งหมดนั้น ยังไม่มีการตีตราของทางราชการถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด
นายวุฒิศักดิ์ นราพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยนาท เผยว่า การตรวจสอบวิธีการสังเกต การเลื่อยการแปรรูป แหล่งที่มา ที่ชัยนาทไม่ใช่ถิ่นไม้ประดู่ ไม้พะยูง และไม่ใช่ถิ่นของไม้ชิงชัน เป็นไม้ที่ไม่มีรูปรอยดวงตราของเจ้าพนักงาน หากมีรอยดวงตรา ต้องพิสูจน์ว่าเป็นดวงตราของเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ นอกจากนี้แล้วต้องมีเอกสารประกอบกับตัวไม้ จากนั้นดูขนาดในใบเอกสาร ว่าสอดคล้องตรงกันพร้อมมีการประทับตรา
พ.อ.พงเพชร เกตุสุภะ สปป.4 กอ.รมน. เปิดเผยว่า ได้มีการติดตามเรื่องนี้มานานแล้ว กระบวนการค้าไม้ข้ามชาติ ไม้ที่พบครั้งนี้มาจากหลายแหล่ง ในส่วนของไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ ส่วนใหญ่มาจากทางภาคเหนือ ทั้งจังหวัดแพร่ น่าน ลำปาง และอุตรดิตถ์ มีการลำเลียงลงมา ในส่วนของทางภาคอีสาน จะเป็นไม้พะยูง และอีกส่วนหนึ่งจากภาคตะวันตก ทางอุทัยธานี และกาญจนบุรี มารวมกันด้วยจุดนี้จึงเป็นจุดรวมไม้จุดใหญ่
ในส่วนที่เจ้าของไม้อ้างว่า หากเป็นไม้ที่อยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ จะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง โดยเฉพาะไม้ประดู่ หากมีหลักฐานถูกต้องก็ไม่มีปัญหา สำหรับไม้ที่แปรรูปแล้วพร้อมส่งออกมีมูลค่านับสิบล้านบาท ส่วนไม้พะยูงเกือบ 200 ท่อน อยู่ระหว่างตรวจสอบหากไม่มีหลักฐานที่ถูกต้อง จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า หลังจากนี้จังหวัดจะจัดชุดเจ้าหน้าที่ออกตรวจ โรงไม้แต่ละแห่งที่มีการเก็บไม้ ว่ามีไม้ที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนที่ที่จุดนี้เจ้าหน้าที่จะต้องทำการอายัด และตรวจสอบที่มาที่ไป ซึ่งไม้บางประเภทเป็นไม้หวงห้าม ซึ่งมีไว้ครอบครองไม่ได้ จะต้องมีการขยายผลที่มาที่ไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ