ให้ เพื่อต่อลมหายใจ บ้านโฮมฮัก
ถ้ายังจำโฆษณาทางโทรทัศน์ของบริษัทประกันชีวิตเรื่องหนึ่งที่นำ เรื่องราวของ แม่ต้อย หญิงแกร่งที่แม้ตัวเองจะล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ยังมีจิตใจช่วยเหลือเด็กๆ ด้อยโอกาสให้มีอนาคตได้ แม่ต้อย หรือ แม่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์
คือคนคนเดียวกัน คือนางฟ้าใจดีของเด็กน้อยผู้รอความหวังแห่ง "บ้านโฮมฮัก" จ.ยโสธร แต่วันนี้ลมหายใจของเด็กๆ กว่า 300 ชีวิต และแม่ติ๋วเอง กำลังอ่อนแรงลงทุกที เนื่องจากกำลังประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูสมาชิกในบ้าน ส่งผลให้มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชนตกอยู่ในภาวะเหมือนคนใกล้จมน้ำ
หลายคนคงได้รับรู้ข้อมูลกันบ้างแล้วว่าเด็กในอาทรของแม่ติ๋วเป็นเด็ก ด้อยโอกาสทั้งที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อเอชไอวี ซ้ำทุกคนพ่อแม่ล้วนเสียชีวิต โดยเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่แบเบาะไปจนถึงเรียนชั้นมัธยมกว่า 100 คน และมีเด็กที่ยังอยู่กับครอบครัวในหมู่บ้าน แต่แม่ติดเชื้อเอชไอวี จึงไม่สามารถให้นมลูกได้ มาขอรับนมบริจาคจากมูลนิธิฯ ทุกเดือนอีกราว 200 คน
แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายทั้งค่ายา ค่าอาหาร และค่าเล่าเรียน ไม่ต่ำกว่า 7 แสนบาทต่อเดือน ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ทำให้ในบางเดือนอาจจะมีขาดตอนไปบ้าง เด็กๆ จึงต้องเผชิญกับความอดอยากแร้นแค้นเป็นระยะๆ แม่ติ๋วซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายบอกว่าบ้านโฮมฮักเปิดรับเด็กๆ เหล่านี้มาได้ 21 ปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเด็กติดเชื้อเอชไอวีที่พ่อแม่เสียชีวิต เด็กมีปัญหาชีวิต และเด็กขาดสารอาหารรุนแรง
"ทุกวันที่ 23 ของเดือนพวกเขาต้องมารับนม ซึ่งนมทั่วไปเด็กกลุ่มนี้ก็กินไม่ได้เพราะพวกเขามีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เมื่อขาดตอนก็เป็นปัญหา จริงๆ ทุกคนต้องการความรัก ความสุข เมื่อค้นพบว่าการให้คือการได้กลับมาที่ไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นความอิ่มใจ ถ้าเรารักชาติ รักในหลวง รักแผ่นดิน ก็ต้องดูแลลูกๆ ของแผ่นดินให้ได้เติบโตอย่างมีอนาคต เพราะพวกเขาเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งผู้ใหญ่สามารถเป็นต้นแบบที่ดีได้ในเรื่องการแบ่งปัน" แม่ติ๋ว กล่าว
การแบ่งปันที่ยั่งยืน นำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืนเช่นกัน นั่นเป็นที่มาของ "ครอบครัวอุปถัมภ์แห่งบ้านโฮมฮัก" โครงการต่อยอดที่มีเป้าหมายร่วมกันที่จะอุปการะเด็กกำพร้าติดเชื้อเอชไอวี แบบเป็นประจำรายเดือนระยะยาว ลดปัญหาเงินบริจาคขาดช่วง ซึ่งแกนนำคนสำคัญอย่าง เอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ ประธานโครงการฯ บอกว่าปัญหาความอดอยากแร้นแค้นจากเงินบริจาคขาดช่วงของบ้านโฮมฮักนั้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดการ ตัวเองจึงขออาสาเชิญชวนผู้ใหญ่ใจดีให้มาร่วมกันอุปถัมภ์เด็กๆ เพียงเดือนละ 790 บาท ตัดผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารหรือบัตรเครดิต เพื่อให้เกิดความช่วยเหลือที่มั่นคงและยั่งยืน
"เท่าที่ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัสมาพบว่ากว่าร้อยละ 70-80 ของผู้ที่เคยบริจาคจะหายไป แต่เด็กต้องกินต้องใช้ทุกวัน ผมเชื่อว่าคนไทยมีนิสัยการให้อยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรที่จะเอาความสมบูรณ์ของตัวเองไปแบ่งให้คนอื่นบ้าง เงิน 790 บาทเอาไปช็อปปิ้งความรู้สึกของการแบ่งปันก็อาจเป็นศูนย์ แต่ถ้าเอามาบริจาคให้คนที่เขาขาด ก็จะได้ความสุขใจที่หาค่ามิได้" เอธัส เสริม
มาฟังเสียงเล็กๆ จากบ้านโฮมฮักที่ อยากสะท้อนไปสู่สังคม "น้องพลอย" ขวัญเรือน บัวหลวง วัย 14 ปี ตัวแทนน้องๆ บอกว่าอยากให้ผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของเด็กติดเชื้อเอชไอวี เพราะบางครั้งเวลาเข้ารับการรักษากลับไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น อนาคตเธอจึงตั้งใจอยากเข้าเรียนแพทย์ จะได้กลับมาช่วยรักษาน้องๆ อย่างเต็มที่
"แม่ติ๋วเปรียบเสมือนสิงห์โตเจ้าป่าที่ดูแลลูกๆ ด้วยความรัก บางครั้งแม่ก็แอบร้องไห้ในวันที่ไม่มีเงินเหลือ จึงอยากให้พี่ๆ ใจดีช่วยบริจาคทุนทรัพย์ โดยเฉพาะด้านการศึกษา ถ้าแม่ติ๋วจากไปแล้วจะได้มีความต่อเนื่อง เด็กๆ ทุกคนรอความหวังค่ะ" น้องพลอย วอนขอ
แม้ลมหายใจของแม่ติ๋วของเด็กๆ จะรวยรินลงทุกวัน แต่ใช่ว่าจะเป็นลมหายใจสุดท้ายของบ้านโฮมฮัก เราทุกคนสามารถมีส่วนช่วยให้ลมหายใจนี้ยืนยาวได้ด้วยการให้...
**ผู้สนใจสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ยโสธร ชื่อบัญชี โครงการครอบครัวอุปถัมภ์แห่งบ้านโฮมฮัก เลขที่บัญชี 561-2-43686-7 หรือค้นข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.banhomehug.org