จักรภพ โผล่จ้อสื่อนอก ประกาศการต่อสู้ยังไม่จบง่าย

จักรภพ โผล่จ้อสื่อนอก ประกาศการต่อสู้ยังไม่จบง่าย

จักรภพ โผล่จ้อสื่อนอก ประกาศการต่อสู้ยังไม่จบง่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ๋อย จวก มาร์ค จับมือกองทัพ สลาย ม็อบ  2 มาตรฐาน โฆษกพท.เล็งแจกซีดีล้านแผ่น ตีแผ่เหตุการณ์ เสื้อแดงโคราชลั่นยกระดับต่อสู้เข้มข้น ชุมนุมใหญ่ 30 เม.ย.นี้

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย โดยระบุคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กำลังอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์จากสถานที่ซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผย

นายจักรภพ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้คนกำลังหงุดหงิดมากและพร้อมสู้ต่อ เราคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเยอะ และการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบอย่างแน่นอน เราวางแผนว่าจะเคลื่อนไหวใต้ดินนานตราบเท่าที่ทำได้ การเคลื่อนไหวในประเทศไทยเกิดจุดหยุดพักไปแล้ว แต่มันถึงจุดที่ต้องร่วมกันอย่างใหญ่หลวงของทั้งสองฝ่าย เมื่อเกิดพลวัตทางการเมืองเช่นนี้ขึ้นแล้ว ก็ไม่มีใครคาดเดาออกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

 "อ๋อย"ซัด"มาร์ค"รวมหัว"กองทัพ"สลาย"ม็อบ"2มาตรฐาน

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงที่โรงแรมเรดิสัน ย่านพระราม 9 เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ถึงกรณีการหลีกเลี่ยงไม่ให้วิกฤตบานปลายว่า การตัดสินใจของรัฐบาลที่สลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงนั้นไม่ได้ทำให้การชุมนุมยุติลงแต่ได้ทำให้วิกฤติยิ่งลึกและบานปลายมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วจึงสลายการชุมนุมโดยใช้กำลังทหารที่มีอาวุธครบมือ ทั้งๆที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอสมหรับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเหตุการณ์ในกรุงเทพฯขณะนั้นมีปัญหาที่เกิดจากการรกระทำผิดกฎหมายเพียงแค่การปิดถนน ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ เกิดขึ้นภายหลังประกาศ พรก.ฉุกเฉินแล้วทั้วสิ้น นอกจากนี้การสลายการชุมนุมยังไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนตามารตรฐานสากล รวมทั้งคำวินิจฉัยของศาลปกครองที่เคยระบุไว้ในช่วงพันธมิตรล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7ต.ค.2551 เนื่องจากครั้งนี้รัฐบางได้ใช้ทหารที่มีอาวุธครบมือรวมทั้งรถถังเข้าขนาบข้าง ซึ่งเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และทำให้รัฐบาลเป็นฝ่ายทำผิดกฎหมายเสียเอง ด้วยการเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บ สูญหายไปจนถึงข้อถกเถียงว่ามีคนตายหรือไม่

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลอ้างว่าไม่มีใครตาย รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ออกมาเอาชีวิตเป็นประกัน ซึ่งเป็นเพียงการบิดเบือนและเบี่ยงประเด็น เพราะไม่ว่าจะมีคนตายหรือไม่ต้องมีการตรวจสอบการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุม ซึ่งหากมีเพียงความเสียหายจากการสลายการชุมนุมก็ถือว่าเป็นความผิดที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องรอให้มีผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.โดย ครม.ไม่ได้อนุมัติเห็นชอบ ฉะนั้นการกระทำตั้งเเต่วันที่ 15เม.ย.จนถึงการประชุมครม.วันที่17เม.ย.นั้นมีข้อสงสัยว่ารัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้โดยผิดกฎหมายเสียเอง ดังนั้นรัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการที่มีความน่าเชื่อถือขึ้นมาตรวจสอบการกระทำทั้งหมด หากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตั้งแต่เจ้าหน้าที่จนถึงนายกรัฐมนตรีก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้การสลายการชุมนุมครั้งนี้เป็นบรรทัดฐานของการชุมนุมในครั้งต่อๆไป

นายจาตุรนต์กล่าวว่า นอกจากนี้การสลายการชุมนุมครั้งนี้ยังมีลักษณะของสองมาตรฐาน และนายกรัฐมนตรีไม่ควรออกมาแก้ตัวแทนกองทัพที่ปฏิบัติตัวสองมาตรฐานมาตลอด เพราะจะถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกระทำสองมาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ในสมัยที่ยังมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าการสลายการชุมนุมและจับแกนนำนั้นไม่ได้ทำให้ปัญหาจบลง ซ้ำยังแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ แกนนำพันธมิตรฯที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นรัฐมนตรี แต่กลับสั่งให้จับกุมดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงอย่างแข็งขันจริงจัง ด้วยการตั้งรางวัลนำจับ เมื่อเป็นแบบนี้นายกและผู้นำเหล่าทัพกระทำสองมาตรฐานชัดเจนและเป็นปัญหานี้ร้ายเรงที่สุด ดังนั้น รัฐบาลควร1.หยุดไล่ล่าปราบปรามประชาชนเกินความจำเป็นอย่างที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพราะคนที่ปิดล้อมสนามบินในภาคใต้ครั้งก่อนยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี 2. รัฐบาลต้องหยุดควบคุมและแทรกแซงสื่ออย่างน่าเกลียด 3.รัฐบาลต้องยกเลิกพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทันที เพราะมันมีแต่โทษ ซึ่งถ้าอ้างว่าที่ไม่สามารถยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ได้เพราะยังมีการชุมนุมนั้นก็คงต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉินไปทั้งประเทศ เพราะในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นยังจะมีการชุมนุมกันอีก แล้วมาใช้กฎหมายปกติ

พท.ร้องนำ รธน.40 คืน เตือนจับมั่วสุมไม่ใช่คดีร้ายแรง

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำรัฐธรรมนูญปี 40 ที่มาจากประชาชน และถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดกลับมาใช้ จากนั้นให้คืนอำนาจให้กับประชาชน โดยการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งพรรคจะเสนอที่ประชุมสภาในวันพุธ 22-23 เมษายนนี้ให้พิจารณาเรื่องนี้ ด้วย นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการช่วยเหลือด้านกฎหมายใหผู้ที่ได้รับผลกระทบจาการสลายการชุมนุม เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ควรที่เลือกปฎิบัติถึงแม้จะมี พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)ให้อำนาจในการทำงานก็ควรระวังเพราะหากกระทำการที่เกินกว่าเหตุตำรวจก็ต้องถูกดำเนินคดีได้ เพราะที่ผ่านมาตนได้รับร้องเรียนว่าการดำเนินงานของตำรวจไม่เป็นธรรม มีการออกหมายจับและควบคุมตัวบุคคล ไปไว้ที่เรือนจำคลองเปรม ในขณะที่ญาติหรือบุคคลที่ใกล้ชิดผู้เสียหายไม่ทราบทั้งๆที่ข้อหาในการออกหมายจับเพียงแค่มั่วสุมกันเกินกว่ากฎหมายกำหนดเท่านั้นซึ่งไม่ใช่คดีร้ายแรงจึงขอให้นายกฯเร่งไปกำกับดูแล การทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะหากปล่อยให้มีการออกหมายจับเช่นนี้ต่อไปผู้ที่มาร่วมชุมนุม จังหวัดต่างๆ ทั้งจ.หนองคาย จ.อุดร จ.ขอนแก่น จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร ก็คงจะเป็นรายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแถลงการณ์ที่พรรคระบุว่าไม่เห็นด้วยในการใช้ความรุนแรง แต่ปรากฏว่ามีส.ส.ของพรรคขึ้นไปปลุกระดมมวลชนอยู่เป็นระยะ นายพีรพันธุ์ กว่าวว่า ตนก็นั่งอยู่บนเวทีปราศรัยเพราะชาวบ้านในจังหวัด ก็ถามว่า ส.ส.ของพวกเขาหายไปไหนกันหมด จึงมองว่าการไปร่วมชุมนุมเป็นสิทธิในการเรียกร้องประชาธิปไตย ส่วนที่ระบุว่ามี ส.ส.ไปพูดยั่วยุเพื่อให้เกิความรุนแรงเรื่องนี้ต้องกลับไปดูบรรยาศและสถานการณ์ เพราะไปขึ้นเวทีชุมนุมก็มีลักษณะการพูดคล้ายการปราศรัย

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีหลักฐานยืนยันหรือไม่ว่าการจลาจลเป็นฝีมือของมือที่ 3 รวมทั้งข้อมูลผู้ชุมนุม นปช.ที่เสียชีวิตในการนำมาค้านกับข้อมูลของรัฐบาล นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคมีรายละเอียดและหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ล่าสุดเมื่อเนี้ 20 เมษายน นี้พรรคได้นำข้อมูลไปยื่นให้ดีเอสไอ รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลส่งสัญญานการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น นายยงยุทธ ได้ตัดบทหยุดการแถลงข่าวทันทีโดยระบุว่าได้แถลงมติของกรรมการบริหารพรคไปแล้ว ส่วนปะเด็นอื่นจะมีออกเป็นแถลงการณ์ฉบับต่อไปในภายหลัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook