อุทาหรณ์แดดแยงตา หลานสาวกับปลัด อบต.ขับเก๋งเสยท้ายเทรลเลอร์

อุทาหรณ์แดดแยงตา หลานสาวกับปลัด อบต.ขับเก๋งเสยท้ายเทรลเลอร์

อุทาหรณ์แดดแยงตา หลานสาวกับปลัด อบต.ขับเก๋งเสยท้ายเทรลเลอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลานสาวกับปลัด อบต. เลิกงานขับเก๋งกลับบ้าน ช่วงขึ้นทางเนินชนท้ายเทรลเลอร์บรรทุกอย่างแรง พลเมืองดีที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เร่งช่วยเหลือ คาดเพราะแสงแดดสะท้อนแยงตา ทำให้มองไม่เห็นรถคันข้างหน้า

เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.) ร.ต.ท.ปรฉัตร รักษาวงษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งชนท้ายรถเทรลเลอร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายใน 2 ราย จึงได้ประสานมูลนิธิกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์ รุดไปยังตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เป็นถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ ช่วงระหว่างบ้านพลวง ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ ใกล้กับศูนย์ราชการจังหวัด พบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน สภาพด้านหน้าพังเสียหายยุบเข้าไปเกือบถึงคอนโซล กระจกด้านหน้าแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายในรถเก๋ง 2 ราย คือ น.ส.ผกามาศ อายุ 27 ปี คนขับ และนายสุทัศน์ อายุ 56 ปี ปลัด อบต.แห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ

จากนั้นหน่วยกู้ภัยฯ และพลเมืองดี จึงได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บทั้งสองรายออกมาจากรถ เพื่อรีบนำส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์อย่างเร่งด่วน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน ได้เดินทางกลับจากทำงานที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อกลับบ้านที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงขึ้นเนิน ได้พุ่งชนท้ายรถเทรลเลอร์เต็มแรงจนด้านหน้ารถพังเสียหายและบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

ทั้งนี้ จากการสอบถามนายไพรนิช อายุ 50 ปี คนขับรถเทรลเลอร์ บอกว่า ได้ขับรถเทรลเลอร์บรรทุกรถยนต์มาจาก จ.อุบลราชธานี เพื่อไปส่งที่กรุงเทพฯ ก็ขับมาตามปกติแต่พอถึงจุดเกิดก็ได้ยินเสียงรถชนท้ายดังสนั่น จึงจอดรถลงมาดู ก็พบรถยนต์คันดังกล่าวที่พุ่งชนท้ายพังเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บติดภายใน 2 คน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ

ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ คาดว่าคนขับรถอาจจะมองไม่เห็นรถเทรลเลอร์ที่วิ่งอยู่ข้างหน้า เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นทางขึ้นเนิน ประกอบกับช่วงที่เกิดเหตุมีแสงพระอาทิตย์สะท้อนจ้า อาจจะส่องกระทบตาคนขับทำให้เกิดเป็นภาพบอดเพียงชั่วครู่

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ และคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook