"จรวดข้ามทวีปติดหัวระเบิดไฮโดรเจน" คือหัวข้อสนทนาของ "ทรัมป์-คิม"
ระเบิดสามัญที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจการทำลายร้ายแรงที่สุดในโลกคือ ระเบิดโคตรพ่อ (Father Of All Bombs-FOAB) ของรัสเซียที่มีน้ำหนัก 7.1 ตัน มีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิด ที.เอ็น.ที. 44 ตัน ซึ่งถูกนำไปทิ้งที่เมือง แดร์ เอซ-ซอร์ ซึ่งเป็นที่มั่นของพวก ไอ.เอส. ในประเทศซีเรีย เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 ฆ่านักรบไอ.เอส.ไป 40 กว่าคน
แต่ระเบิดโคตรพ่อนั้นถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับระเบิดปรมาณูลูกแรกของสหรัฐอเมริกาที่ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ 73 ปีที่แล้ว ที่มีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิด ที.เอ็น.ที. 20,000 ตัน
AFP
ระเบิดปรมาณูลูกนี้มีน้ำหนัก 4.4 ตัน มีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิด ที.เอ็น.ที. ตั้งสองหมื่นตัน (มากกว่าระเบิดโคตรพ่อหลายร้อยเท่านัก) ทำให้เมืองฮิโรชิมาราบไปหมดทั้งเมือง คร่าชีวิตมนุษย์ไปประมาณ 70,000 คนโดยทันที อันเป็นผลจากการระเบิดปรมาณูโดยตรง
ในขณะที่ประชากรญี่ปุ่นอีกจำนวนมากต้องเสียชีวิตในภายหลังจากการทิ้งระเบิด เนื่องมาจากกัมมันตรังสีและมะเร็งในเม็ดเลือดขาว สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์นั้นก็ต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป หรือมิฉะนั้นก็ให้กำเนิดทารกที่พิการ
ปัจจุบันนี้ รัสเซียมีระเบิดไฮโดรเจนที่มีอำนาจการทำลายเท่ากับดินระเบิด ที.เอ็น.ที. ถึง 50 ล้านตันแล้วนะครับ (ประมาณว่าหากถล่ม กทม. คงพังพินาศไปถึงอยุธยา นครปฐม และปริมณฑลกระมัง) และทั้งระเบิดปรมาณูและระเบิดไฮโดรเจนไม่ได้ใช้เครื่องบินบรรทุกระเบิดไปทิ้งที่เป้าหมายเหมือนอย่างระเบิดโคตรพ่อนะครับ หากแต่ใช้ติดอยู่ที่จรวดนำวิถีสามารถยิงข้ามทวีปได้อย่างแม่นยำ (ประเทศที่ส่งดาวเทียมออกนอกอวกาศมีจรวดชนิดนี้กันแทบทั้งนั้นแหละครับ)
AFP
ความจริงเรื่องที่เกาหลีเหนือพยายามสร้างระเบิดไฮโดรเจนนั้น มีมาตั้งแต่สมัยปู่และพ่อของคิม จ็อง-อึน คือ 33 ปีมาแล้ว ซึ่งเกาหลีเหนือใช้ชั้นเชิงทั้งล่อทั้งชน บางทีก็ยอมเลิกโครงการสร้างระเบิดไฮโดรเจนชั่วคราวและทำลายเตาปฏิกรณ์โชว์ก็ทำมาแล้ว จนสามารถหลอกให้สหรัฐอเมริกาสร้างเตาปฏิกรณ์ที่ทันสมัยให้ใหม่ได้ด้วย แบบว่าสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้และญี่ปุ่นโดนหลอกมาโดยตลอด จนในที่สุดทางการอเมริกันต้องออกมายอมรับว่าเกาหลีเหนือมีขีดความสามารถยิงจรวดข้ามทวีปติดหัวระเบิดไฮโดรเจนมายังสหรัฐอเมริกาได้ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ครับ! นี่แหละคือที่มาของการพบกันที่สิงคโปร์ในวันอังคารที่ 12 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิม จ็อง-อึน แห่งเกาหลีเหนือ