แม่ค้าสาวร้องสื่อ หน้าพังเละ-อัมพาตครึ่งซีก หลังกินยาแผนโบราณ

แม่ค้าสาวเบเกอรี่ในระยอง ร้องผ่านสื่อ หลังกินยาแผนโบราณหน้าร้าวพังยับ ใบหน้าเหมือนเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก หมอแผนปัจจุบันยังวินิจฉัยโรคไม่ได้

(9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดระยองได้รับการร้องเรียนจาก นางทัศวรรณ อายุ 32 ปี อาชีพขายเบเกอรี่ในจังหวัดระยอง เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบยาแผนโบราณ ยี่ห้อหนึ่ง หลังรับประทานไปแล้วเกิดอาการหน้าร้าว ใบหน้าพังเสียโฉม เหมือนเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก

นางทัศวรรณ เปิดเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนได้ไปซื้อยาแผนโบราณที่ห้างขายยาแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง โดยตนได้แจ้งว่าต้องการยาประสานกระดูกที่ใบหน้า พร้อมกับแจ้งว่าตนมีโรคประจำตัว โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง ทางคนขายในขณะนั้นบอกว่าคงต้องรอให้หมอตรวจก่อน

รอสักพักก็มีหมอแผนโบราณมาตรวจชีพจรให้ แล้วเสร็จจึงหยิบยามาให้ 2 กระปุก จ่ายไปกระปุกละ 120 บาท รวม เป็น 240 บาท กินไปได้ 24 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน มื้อละ 6 เม็ด กระทั่งตื่นมาเช้าวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน ใบหน้าของตนเริ่มบวมและเป็นผื่นขึ้น ลิ้นเริ่มชา แฟนต้องรีบพามาโรงพยาบาลระยอง ซึ่งต่อมาแพทย์แผนปัจจุบันได้ฉีดยาแก้แพ้และยาขยายหลอดลม ยาแก้ปวด รวมฉีด 3 เข็ม จากนั้นจึงกลับบ้านไปพัก

ต่อมาตอนเวลา 5 โมงเย็นของวันเดียวกัน แฟนได้โทรไปหาห้างขายยาแผนโบราณดังกล่าว เพื่อสอบถาม แพทย์ที่ให้ยาแผนโบราณมา โดยแพทย์ได้แจ้งว่าให้พาตัวคนไข้มาดูหมออยากเห็น และเมื่อหมอพบกับตน ยังแจ้งว่าเป็นโรคงูสวัด

ทั้งนี้ยังแจ้งอีกว่า โรคที่เป็นไม่เกี่ยวกับยาของเขา จากนั้นแพทย์แผนโบราณคนดังกล่าวก็ให้ยามากินอีก 3 กระปุกฟรี โดยไม่คิดเงินใดๆ โดยแพทย์แผนโบราณให้เหตุผลว่าเขารักษามาหลายคนแล้วและรักษามาหลายปีไม่เคยมีใครมีอาการแพ้ในลักษณะแบบนี้

เมื่อกลับถึงบ้านก็กินยา 3 กระปุกที่แพทย์แผนโบราณให้มา ซึ่งแพทย์แผนโบราณคนดังกล่าว ยังกำชับอีกว่าให้กินครั้งละ 1 เม็ด 3 กระปุกก็กินไป 3 เม็ด รวม 3 มื้อ กินไป 9 เม็ด กระทั่งมาถึงวันพุธที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา อาการในช่วงเช้า เมื่อตื่นขึ้นมามีอาการหายใจไม่ออก กินอะไรไม่ได้เลย

ในวันที่ 7 มิถุนายน แฟนได้พาเข้าไปโรงพยาบาลระยองอีกครั้ง แพทย์แผนปัจจุบันระบุว่า ครั้งแรกยังนึกว่าเป็นงูสวัด แต่พอตรวจเลือดและปัสสาวะ รวมทั้งนำเนื้อเยื่อที่ใบหน้า แพทย์แผนปัจจุบันแจ้งว่าไม่ใช่โรคงูสวัดและยังไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ต้องขอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งแ ละให้พักนอนรักษาดูอาการที่โรงพยาบาลระยอง ประมาณ 14 วัน เพราะแพทย์อยากให้ใบหน้ายุบหรือมีอาการดีขึ้นและเบาบางลงก่อน

นอกจากนี้ นางทัศวรรณ อยากวิงวอนสื่อมวลชนช่วยเป็นกระบอกเสียงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือในอาการที่ตนเป็นอยู่ เพราะตนตรวจสอบแล้วยาแผนโบราณที่ตนรับประทานเข้าไปก็ไม่มี อย.และข้างกระปุกก็เขียนไว้ว่าไม่มีสารสเตอรอยด์ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในกรณีนี้ด้วย เพาะเกรงว่าอาจมีผู้อื่นรับประทานยาแผนโบราณเข้าไปแล้วจะมีอาการเหมือนกับตน