ชุดสืบสวนได้พยานเห็นทีมมือปืน ควงอาวุธสงครามยิงถล่มสนธิแล้ว

ชุดสืบสวนมุ่งเป้ากลุ่มคนมีสี ได้พยานปากสำคัญเห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือปฏิบัติการโหด

พล.ต.อ.ธานี สมบรูณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตย (พธม.) และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ครั้งแรก เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หลัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งแบ่งงานรอง ผบ.ตร.ใหม่ โดยให้ พล.ต.อ.ธานี มารับผิดชอบกำกับดูแล บช.น. แทน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งถูกมอบหมายให้ไปกำกับดูแล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1,2,3 และ 4 โดยมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผู้บังคับการหัวหน้าศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบก.หน.ศสส.บช.น.) ร่วมประชุม

ภายหลังประชุม พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คดีคืบหน้าไปพอสมควร โดยใช้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดและของกลางในที่เกิดเหตุสืบสวน ขณะนี้ไม่สามารถเจาะจงกลุ่มคนร้ายที่ลงมือได้ หากเจาะจงกลุ่มก็แสดงว่าจากพยานหลักฐานรู้แล้วว่าใครทำ ซึ่งยังบอกไม่ได้ ส่วนสาเหตุยังไม่ตัดทุกประเด็น ทุกคนตั้งใจทำงานอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากแกนนำ พธม.คนอื่นเกรงจะไม่ปลอดภัยก็ร้องขอกำลังตำรวจไป คุ้มครองได้

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.ธานี กำชับให้ทางกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบรอยกระสุนปืนคดียิงนายสนธิเพื่อหาวิถีของกระสุน ว่าคนร้ายใช้ปืนยิงมาลักษณะแนวใดบ้าง เพื่อจะได้เห็นภาพการทำงานของคนร้าย

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสืบสวนหากลุ่มคนร้ายที่ลงมือยิงนายสนธิ โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มบุคคลมีสีที่มีลูกน้องในกลุ่มเคยไปก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ล่าสุดชุดสืบสวนได้พยานปากสำคัญที่เห็นเหตุการณ์ขณะที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ ได้นำไปสอบสวนรายละเอียดตำหนิรูปพรรณที่ชัดเจนของคนร้าย

ตัดประเด็นคนคุมวงจรปิดเอี่ยว

ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ทาง บริษัท เวิร์คพอยต์ จำกัด ส่ง นายประจวบ บุญคูณ หรือโจ แชมป์แฟนพันธุ์แท้รถมือสองปี 2007 และ อีก 1 คน ขอสงวนชื่อเป็นแฟนพันธุ์แท้รถมือสองเช่นกัน มาดูภาพรถแล้ว ซึ่งรถที่สงสัย 2 จุดทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญและยิงนายสนธิ ปรากฏว่าเป็นรถยี่ห้อเดียวกันคือ โตโยต้า วีโก้ สีดำ เหมือนกัน แต่เมื่อดูอย่างละเอียดพบเป็นคนละคันกัน อย่างไรก็ตาม ที่ดูก็เพื่อความเชื่อมโยงของ 2 คดี โดยเรื่องของยานพาหนะเป็นคนละคันกัน ส่วนปืนเอ็ม 79 เป็นชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถตรวจสอบนัมเบอร์ได้

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวถึงกล้องซีซีทีวีที่แยกบางขุนพรหม จุดยิงถล่มนายสนธิเสีย ว่าเดิมที่เป็นข่าวว่ามีคนไปตัด แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกล้องไม่ได้เสีย แต่ที่เสียคือตัวบันทึก ซึ่งเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตัวควบคุมอยู่ที่เขตพระนคร ส่วนตัวกล่องบันทึกก็อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งตัวบันทึกถูกยิงไป 2 นัด แต่ไม่ได้ทำให้ตัวบันทึกเสีย ซึ่งได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ กทม. เมื่อนำมาซ่อมสามารถบันทึกได้ แต่บันทึกไป 4-5 ชั่วโมงก็เสียอีก ซึ่งเป็นเรื่องของตัวระบบ เท่าที่ทราบมีกล้องหลายตัวที่ไม่ได้บันทึก และเจ้าหน้าที่ กทม.ไม่ได้ตรวจสอบว่าตัวไหนบันทึกหรือไม่ จะดูเพียงว่ากล้องมองเห็นหรือไม่เท่านั้น จะตัดประเด็นการรู้เห็นของคนที่คุมกล้องออกไป โดยกล้องของ กทม.มีทั้งหมด 206 ตัว แต่ต้องดูเป็นกล้องๆ ไป ดูเฉพาะบางแยก เช่น แยกวังแดง แยกมิสกวัน แยกพระบรมรูปทรงม้า และดูว่ามีใครอัดเทป มีใครดูกล้องแล้วอัดเทปไว้บ้าง

เมื่อถามว่ารถต้องสงสัยมีกี่คัน ผบช.น. กล่าวว่า ที่ยืนยันได้คือรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ อีกคันไม่ชัดเจนระหว่างยี่ห้อฟอร์ดกับมาสด้า แต่ทั้งหมดเป็นเพียงรถต้องสงสัยเท่านั้น กำลังเก็บรายละเอียดทั้งกล้องร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กล้องธนาคาร ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้ง

แฉ "พ.อ." บันทึกภาพตรวจรถของกลาง

เวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.พฐ. กล่าวหลังรับมอบรถแวนยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเวลไฟร์ สีดำ ทะเบียน วล 89 กรุงเทพมหานคร คันที่นายสนธินั่งขณะถูกยิงถล่ม จากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ว่าทาง พฐ.จะตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะวิถีกระสุนที่พุ่งเข้าไปในกระโปรงหน้าและส่วนอื่นๆ คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะทราบผล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจหาหลักฐานในรถของกลางเพิ่มเติมมีนายทหาร ยศ พ.อ. สังกัดกรมสรรพาวุธ ทหารบก เข้าร่วมสังเกตการณ์โดยใช้กล้องบันทึกสภาพรถยนต์อย่างละเอียด เมื่อสื่อมวลชนเข้าไปสอบถามถึงภารกิจ นายทหารคนดังกล่าวไม่ยอมสนทนาด้วย พยายามเดินหนีสื่อมวลชนออกไป